×
จากหนังสือมุคตะศ็อรฺ อัลฟิกฮิล อิสลามีย์ โดยเชค มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม อัตตุวัยญิรีย์ ว่าด้วยมรดกของทายาทที่ทำให้เจ้าของมรดกเสียชีวิต ซึ่งผู้ฆ่าจะไม่มีสิทธิรับมรดกได้ ทั้งในกรณีที่ฆ่าโดยเจตนาหรือไม่ได้เจตนา พร้อมอธิบายเหตุผลในเรื่องดังกล่าว

    มรดกส่วนของทายาทที่ทำให้เจ้าของมรดกเสียชีวิต

    ] ไทย – Thai – تايلاندي [

    มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม บิน อับดุลลอฮฺ อัต-ตุวัยญิรีย์

    แปลโดย : ซุกรีย์นูร จงรักศักดิ์

    ตรวจทานโดย : อุษมาน อิดรีส

    2011 - 1432


    ﴿ ميراث القاتل ﴾

    « باللغة التايلاندية »

    محمد بن إبراهيم بن عبد الله التويجري

    ترجمة: شكري نور

    مراجعة: عثمان إدريس

    2011 - 1432

    ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ

    13. มรดกส่วนของทายาทที่ทำให้เจ้าของมรดกเสียชีวิต

    หุก่มมรดกส่วนของทายาทที่ทำให้เจ้าของมรดกเสียชีวิต มีดังนี้

    1. ทายาทผู้ใดฆ่าเจ้าของมรดกด้วยตัวเอง หรือร่วมมือกับผู้อื่น ทั้งทางตรงหรือทางอ้อมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จะไม่มีสิทธิรับมรดก

    การฆ่าผู้อื่นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย คือการฆ่าที่ต้องชดใช้ด้วยชีวิต (ต้องถูกฆ่าให้ตายตามกัน) หรือชดเชยด้วยสินไหม หรือจ่ายค่าปรับเฉกเช่นการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หรือการฆ่ากึ่งเจตนา หรือการฆ่าที่ไม่เจตนา หรือการฆ่าในทำนองเดียวกับการฆ่าที่ไม่เจตนา เช่น การกระทำที่เป็นต้นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต การฆ่าของเด็ก (ที่ยังไม่บรรลุศาสนภาวะ) การฆ่าของคนนอน (ละเมอ) และการฆ่าของคนบ้า

    ดังนั้น ทายาทที่ฆ่าเจ้าของมรดกโดยเจตนาจึงไม่มีสิทธิรับมรดก เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการ(กระทำที่ทำให้)ได้รับมรดกเร็วขึ้น และผู้ใดรีบเร่งในสิ่งใดก่อนที่จะถึงกำหนดเวลา เขาก็จะต้องถูกลงโทษด้วยห้ามไม่ให้ได้รับสิ่งนั้น

    แต่ถ้าหากเป็นการฆ่าโดยไม่เจตนา สาเหตุที่กีดกันทายาทผู้ฆ่าเจ้าของมรดกจากกองมรดกก็เพื่อเป็นการปิดกั้นเหตุจูงใจที่จะนำสู่การกระทำดังกล่าว เพื่อป้องกันการหลั่งเลือด และเพื่อไม่ให้ความละโมบเป็นเหตุให้เกิดการหลั่งเลือด

    2. ถ้าการฆ่านั้นเป็นการฆ่าเพื่อปฏิบัติตามกฎกิศอศฺ (กิศอศฺ คือ การฆ่าให้ตายตาม) หรือปฏิบัติตามกฎหุดูด (หุดูด คือ การฆ่าเพราะล่วงละเมิดทางเพศและกฎศาสนา) หรือเป็นการฆ่าเพื่อปกป้องตัวเอง หรือในทำนองเดียวกัน ทายาทจะไม่ถูกปิดกั้นจากการรับมรดก

    ผู้ที่สิ้นสภาพการเป็นมุสลิม (มุรตัด) ไม่มีสิทธิรับมรดกจากญาติที่เป็นมุสลิม และทายาทที่เป็นมุสลิมก็ไม่สิทธิรับมรดกของเขาเช่นกัน ถ้าเขาเสียชีวิตในสภาพดังกล่าว ทรัพย์สมบัติของเขาทั้งหมดจะตกเป็นของกองคลังหลวง (บัยตุลมาล)