อธิบายความหมายอายะฮฺกุรสีย์
บทความนี้ถูกแปลเป็นภาษา
หมวดหมู่
Full Description
อธิบายความหมายอายะฮฺกุรสีย์
] ไทย – Thai – تايلاندي [
ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์
แปลโดย : อับดุศศอมัด อัดนาน
ตรวจทานโดย : ยูซุฟ อบูบักรฺ
ที่มา : หนังสือ อัด-ดุร็อรฺ อัล-มุนตะกอฮฺ มิน อัล-กะลีมาต อัล-มุลกอฮฺ
2012 - 1433
﴿تفسير آية الكرسي﴾
« باللغة التايلاندية »
د. أمين بن عبدالله الشقاوي
ترجمة: عبدالصمد عدنان
مراجعة: يوسف أبوبكر
المصدر: كتاب الدرر المنتقاة من الكلمات الملقاة
2012 - 1433
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
เรื่องที 109
อธิบายความหมายอายะฮฺกุรสีย์
การสรรเสริญทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ความเมตตาจำเริญและความศานติจงมีแด่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรได้รับการภักดีนอกจากอัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียว โดยไม่มีภาคีหุ้นส่วนอันใดสำหรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่าท่านนบีมุหัมมัดคือบ่าวและศาสนทูตของพระองค์...
อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺว่า
﴿ ٱللَّهُ لَآ إِلَٰهَ إِلَّا هُوَ ٱلۡحَيُّ ٱلۡقَيُّومُۚ لَا تَأۡخُذُهُۥ سِنَةٞ وَلَا نَوۡمٞۚ لَّهُۥ مَا فِي ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَمَا فِي ٱلۡأَرۡضِۗ مَن ذَا ٱلَّذِي يَشۡفَعُ عِندَهُۥٓ إِلَّا بِإِذۡنِهِۦۚ يَعۡلَمُ مَا بَيۡنَ أَيۡدِيهِمۡ وَمَا خَلۡفَهُمۡۖ وَلَا يُحِيطُونَ بِشَيۡءٖ مِّنۡ عِلۡمِهِۦٓ إِلَّا بِمَا شَآءَۚ وَسِعَ كُرۡسِيُّهُ ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَٱلۡأَرۡضَۖ وَلَا ئَُودُهُۥ حِفۡظُهُمَاۚ وَهُوَ ٱلۡعَلِيُّ ٱلۡعَظِيمُ ٢٥٥ ﴾ [البقرة: ٢٥٥]
ความว่า “อัลลอฮฺคือผู้ที่ไม่มีผู้ที่ได้รับการเคารพสักการะใดๆ ที่เที่ยงแท้นอกจากพระองค์เท่านั้น ผู้ทรงมีชีวิตอยู่ตลอดกาล ผู้ทรงบริหารกิจการทั้งหลาย โดยที่การง่วงนอนและการนอนหลับจะไม่เกิดขึ้นกับพระองค์ สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดินเป็นของพระองค์ ใครเล่าคือผู้ที่จะขอความช่วยเหลือให้แก่ผู้อื่น ณ ที่พระองค์ได้ นอกจากด้วยการอนุมัติของพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงรู้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลังของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถล่วงรู้สิ่งใดๆ จากความรอบรู้ของพระองค์ได้ นอกจากสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์เท่านั้น เก้าอี้ของพระองค์กว้างขวางทั่วชั้นฟ้าและแผ่นดินทั้งหลาย และการรักษามันทั้งสองก็ไม่เป็นภาระหนักแก่พระองค์ และพระองค์คือ ผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 255)
เชคอับดุรเราะหฺมาน บิน สะอฺดีย์ ได้อรรถาธิบายว่า “โองการนี้เป็นโองการที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุด เนื่องจากว่าเป็นโองการที่มีความหมายกว้างขวางครอบคลุมถึงสิ่งสำคัญหลายประการ รวมถึงคุณลักษณะที่สมบูรณ์ของอัลลอฮฺ โดยมีหะดีษหลายๆ บทที่ส่งเสริมให้อ่านและให้กล่าวเป็นดุอาอ์ประจำวัน ไม่ว่าในยามเช้า ยามเย็น ขณะเข้านอน และหลังจากทุกๆ ละหมาดฟัรฏู ฯลฯ
โองการนี้มีชื่อเรียกว่า “อายะฮฺกุรสียฺ” เนื่องจากได้มีการกล่าวถึง “กุรสียฺ“ ด้วย และต่อไปนี้ขออธิบายความหมายของโองการนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงความยิ่งใหญ่และความสำคัญ ดังนี้
ถ้อยดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า
﴿ ٱللَّهُ لَآ إِلَٰهَ إِلَّا هُوَ ٱلۡحَيُّ ٱلۡقَيُّومُۚ﴾
หมายถึง “อัลลอฮฺ คือ ผู้ที่ไม่มีใครที่ได้รับการเคารพสักการะใดๆ อย่างเที่ยงแท้นอกจากพระองค์เท่านั้น ผู้ทรงมีชีวิตอยู่ตลอดกาล ผู้ทรงบริหารกิจการทั้งหลาย”
อัลลอฮฺได้บอกให้ปวงบ่าวได้ทราบถึงความเป็นหนึ่งเดียวของผู้ที่ควรได้รับการเคารพภักดีต่อบรรดาสรรพสิ่งที่ถูกสร้างทั้งปวง เนื่องจากพระองค์เป็นผู้ที่มีชีวิตอย่างนิรันดร และทรงบริหารกิจการทั้งหลาย และสุดยอดของการมีชีวิตและการบริหารกิจการของพระองค์ คือการที่พระองค์จะไม่ง่วงนอน และจะไม่นอนหลับโดยเด็ดขาด มีหะดีษในเศาะฮีหฺมุสลิมจากท่านอบูมูซา เราะฎิยัลลอฮุอันฮู เล่าว่า
قَامَ فِينَا رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بِخَمْسِ كَلِمَاتٍ فَقَالَ : «إِنَّ اللَّهَ عَزَّ وَجَلَّ لَا يَنَامُ، وَلَا يَنْبَغِي لَهُ أَنْ يَنَامَ، يَخْفِضُ الْقِسْطَ وَيَرْفَعُهُ، يُرْفَعُ إِلَيْهِ عَمَلُ اللَّيْلِ قَبْلَ عَمَلِ النَّهَارِ وَعَمَلُ النَّهَارِ قَبْلَ عَمَلِ اللَّيْلِ، حِجَابُهُ النُّورُ، لَوْ كَشَفَهُ لَأَحْرَقَتْ سُبُحَاتُ وَجْهِهِ مَا انْتَهَى إِلَيْهِ بَصَرُهُ مِنْ خَلْقِهِ» [رواه مسلم برقم 179]
ความว่า “ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวแก่พวกเราห้าประการด้วยกัน คือ แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่นอนหลับและไม่บังควรที่พระองค์จะหลับนอน พระองค์เป็นผู้ลดหลั่นและเชิดชูความยุติธรรม การงานที่ปฏิบัติในยามค่ำคืนจะถูกนำเสนอต่อพระองค์ก่อนการงานที่ปฏิบัติในยามกลางวัน และการงานที่ปฏิบัติในยามกลางวันจะถูกนำเสนอต่อพระองค์ก่อนการงานที่ปฏิบัติในยามค่ำคืน จะมีแสงรัศมีเป็นม่านบดบังพระองค์ไว้ มันจะกลั่นกรองแสงที่ส่องออกมาจากใบหน้าของพระองค์ หากไม่เช่นนั้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะไหม้เกรียมเท่าที่สายตาของพระองค์ทอดออกไป“ (บันทึกโดยมุสลิม : 179)
ถ้อยดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า
﴿ لَّهُۥ مَا فِي ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَمَا فِي ٱلۡأَرۡضِۗ ﴾
หมายถึง “สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดินเป็นของพระองค์”
สำนวนนี้บ่งบอกว่าทุกสรรพสิ่งในชั้นฟ้าและแผ่นดินเป็นบ่าวของพระองค์ เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ อยู่ภายใต้อำนาจของพระองค์ ดังเช่นโองการที่ว่า
﴿ إِن كُلُّ مَن فِي ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَٱلۡأَرۡضِ إِلَّآ ءَاتِي ٱلرَّحۡمَٰنِ عَبۡدٗا ٩٣ لَّقَدۡ أَحۡصَىٰهُمۡ وَعَدَّهُمۡ عَدّٗا ٩٤ وَكُلُّهُمۡ ءَاتِيهِ يَوۡمَ ٱلۡقِيَٰمَةِ فَرۡدًا ٩٥﴾ [مريم : 93-95]
ความว่า “ไม่มีผู้ใดทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดินทั้งหลาย เว้นแต่เขาจะมายังผู้ทรงกรุณาปรานีในฐานะบ่าวคนหนึ่ง แน่นอนที่สุด พระองค์ทรงรอบรู้และทรงนับพวกเขาอย่างถี่ถ้วนไว้แล้ว และในวันกิยามะฮฺพวกเขาทั้งหมดจะมายังพระองค์อย่างโดดเดี่ยว” (มัรยัม : 93 - 95)
ถ้อยดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า
﴿مَن ذَا ٱلَّذِي يَشۡفَعُ عِندَهُۥٓ إِلَّا بِإِذۡنِهِۦۚ﴾
หมายถึง “มีใครบ้างเล่าที่จะขอความช่วยเหลือให้แก่ผู้อื่น ณ ที่พระองค์ได้ นอกจากด้วยการอนุมัติของพระองค์เท่านั้น”
นี่คือความยิ่งใหญ่ และความสูงส่งของพระองค์ ที่ไม่มีใครสามารถให้การช่วยเหลือผู้ใดได้ ณ ที่พระองค์ เว้นแต่ด้วยการอนุมัติจากพระองค์เท่านั้น ดังดำรัสของพระองค์ที่ว่า
﴿وَلَا يَشۡفَعُونَ إِلَّا لِمَنِ ٱرۡتَضَىٰ وَهُم مِّنۡ خَشۡيَتِهِۦ مُشۡفِقُونَ﴾ [ الأنبياء : 28]
ความว่า “และพวกเขาจะไม่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใด เว้นแต่ผู้ที่พระองค์ทรงพอพระทัย และเนื่องจากความกลัวพวกเขาจึงเนื้อตัวสั่น” (อัล-อัมบิยาอ์ : 28)
และพระองค์ได้ตรัสไว้ในสูเราะฮฺอัล-นัจญ์มฺ ว่า
﴿وَكَم مِّن مَّلَكٖ فِي ٱلسَّمَٰوَٰتِ لَا تُغۡنِي شَفَٰعَتُهُمۡ شَيْئًا إِلَّا مِنۢ بَعۡدِ أَن يَأۡذَنَ ٱللَّهُ لِمَن يَشَآءُ وَيَرۡضَىٰٓ ٢٦﴾ [النجم : 26]
ความว่า “และมะลัก(เทวฑูต)กี่มากน้อยแค่ไหน(ที่ดีและบริสุทธิ์ )อยู่ในชั้นฟ้า ที่การช่วยเหลือของพวกเขาจะไม่เกิดประโยชน์อันใด เว้นแต่หลังจากอัลลอฮฺทรงอนุมัติแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงพระทัย (แล้วบรรดาเจว็ดเหล่านั้นล่ะจะทำได้หรือ?) (อัล-นัจญมฺ: 26)
และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวไว้ในหะดีษตอนหนึ่งว่า
«فأَنْطَلِقُ فَآتِي تَحْتَ الْعَرْشِ فَأَقَعُ سَاجِدًا لِرَبِّي عَزَّ وَجَلَّ، ثُمَّ يَفْتَحُ اللَّهُ عَلَيَّ مِنْ مَحَامِدِهِ وَحُسْنِ الثَّنَاءِ عَلَيْهِ شَيْئًا لَمْ يَفْتَحْهُ عَلَى أَحَدٍ قَبْلِي، ثُمَّ يُقَالُ : يَا مُحَمَّدُ ارْفَعْ رَأْسَكَ، سَلْ تُعْطَهْ وَاشْفَعْ تُشَفَّعْ» [رواه البخاري برقم 4712، ومسلم برقم 194]
ความว่า “ต่อจากนั้นฉันได้ไปยังเบื้องล่างของอะรัช(บัลลังก์) ฉันจึงได้ก้มลงสุญูดต่ออัลลอฮฺ แล้วพระองค์ได้เปิดให้ฉันได้กล่าวสรรเสริญต่อพระองค์ด้วยถ้อยคำที่ไพเราะวิจิตร ซึ่งไม่เคยเปิดให้แก่ผู้ใดมาก่อนเลย ต่อจากนั้นพระองค์รับสั่งแก่ฉันว่า โอ้มุหัมมัด เจ้าจงเงยศีรษะขึ้น เจ้าจงร้องขออะไรก็ได้แล้วเจ้าจะได้รับตามคำร้องขออย่างแน่นอน และเจ้าจงขอความช่วยเหลือ แล้วเจ้าจะได้รับการช่วยเหลือ” (บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ : 4712 และมุสลิม : 194)
ถ้อยดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า
﴿ يَعۡلَمُ مَا بَيۡنَ أَيۡدِيهِمۡ وَمَا خَلۡفَهُمۡ﴾
หมายถึง “พระองค์ทรงรู้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลังของพวกเขา”
สำนวนของโองการนี้บ่งชี้ว่าอัลลอฮฺทรงมีความรอบรู้ถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ดังที่พระองค์ได้บอกเกี่ยวกับบรรดามะลาอิกะฮฺว่า
﴿ وَمَا نَتَنَزَّلُ إِلَّا بِأَمۡرِ رَبِّكَۖ لَهُۥ مَا بَيۡنَ أَيۡدِينَا وَمَا خَلۡفَنَا وَمَا بَيۡنَ ذَٰلِكَۚ وَمَا كَانَ رَبُّكَ نَسِيّٗا ٦٤﴾ [مريم : 64]
ความว่า “และเรา (ญิบรีล ) ไม่ได้ลงมา เว้นแต่ด้วยบัญชาของพระเจ้าของท่าน สำหรับพระองค์นั้นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลังของเราและสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง และพระเจ้าของท่านนั้นมิทรงหลงลืมสิ่งใดเลย” (มัรยัม : 64)
ถ้อยดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า
﴿وَلَا يُحِيطُونَ بِشَيۡءٖ مِّنۡ عِلۡمِهِۦٓ إِلَّا بِمَا شَآءَۚ﴾
หมายถึง “พวกเขาไม่สามารถล่วงรู้สิ่งใดๆ จากความรอบรู้ของพระองค์ได้ นอกจากสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์เท่านั้น”
อิบนุ กะษีรฺ ให้ความหมายว่า “ไม่มีใครสามารถล่วงรู้สิ่งใดจากความรอบรู้ของพระองค์ได้ นอกจากพระองค์ทรงสอนให้เขารู้เท่านั้น และอีกนัยหนึ่ง คือพวกเขาไม่สามารถล่วงรู้สิ่งใดเกี่ยวกับซาต(อาตมัน)ของอัลลอฮฺ และคุณลักษณะของพระองค์ นอกจากพระองค์ทรงสอนให้พวกเขาได้รับรู้เท่านั้น ดังดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า
﴿وَلَا يُحِيطُونَ بِهِۦ عِلۡمٗا ١١٠﴾ [مريم : 110]
ความว่า “และพวกเขาไม่สามารถรอบรู้เกี่ยวกับพระองค์ได้” (มัรยัม : 110 )
ถ้อยดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า
﴿وَسِعَ كُرۡسِيُّهُ ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَٱلۡأَرۡضَۖ﴾
หมายถึง “กุรสีย์ของพระองค์กว้างขวางทั่วชั้นฟ้าและแผ่นดินทั้งหลาย”
อิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮู กล่าวว่า “กุรสีย์(เก้าอี้)เป็นที่วางพระบาททั้งสอง ส่วนอะรัช(บัลลังก์)ไม่มีใครสามารถจินตนาการหรือคาดคะเนได้”(บันทึกโดยอัล-หากิม ในหนังสืออัล-มุสตัดร๊อก เล่ม 2 หน้า 310 หมายเลขหะดีษ : 3116)
นั่นเพราะความยิ่งใหญ่ที่สมบูรณ์แบบยิ่งของอัลลอฮฺ และอำนาจอันกว้างขวางยิ่งของพระองค์ ในเมื่อเก้าอี้ยังกว้างใหญ่ทั่วชั้นฟ้าและแผ่นดินเช่นนี้ แล้วอะรัชซึ่งมีความใหญ่กว่าเก้าอี้จะยิ่งใหญ่สักขนาดไหน?
ถ้อยดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า
﴿وَلَا يَئُودُهُۥ حِفۡظُهُمَاۚ وَهُوَ ٱلۡعَلِيُّ ٱلۡعَظِيمُ﴾
หมายถึง “และการรักษามันทั้งสองก็ไม่เป็นภาระหนักแก่พระองค์ และพระองค์ คือ ผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่”
กล่าวคือ การรักษาชั้นฟ้าและแผ่นดินรวมถึงการรักษาสิ่งที่อยู่ในนั้นทั้งสองและสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง ไม่เป็นภาระที่หนักแต่อย่างใดสำหรับพระองค์ แต่กลับเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก อัลลอฮฺคือผู้ที่ตอบแทนผลแห่งการกระทำแก่ทุกชีวิต ทรงสูงส่งด้วยซาตของพระองค์เองเหนืออะรัชของพระองค์ เป็นผู้สูงส่งด้วยคุณลักษณะที่สมบูรณ์แบบ เป็นผู้ทรงยิ่งใหญ่ที่อัครอภิมหาอำนาจทั้งหลายต้องยอมสยบต่ออำนาจของพระองค์โดยศิโรราบ
บทเรียนที่ได้รับจากอายะฮฺอัล-กุรสียฺ
1. โองการนี้นับว่าเป็นโองการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอัลกุรอาน ซึ่งได้มีหลักฐานมายืนยันถึงความประเสริฐของโองการนี้ไว้หลายบท ดังปรากฏในหะดีษที่รายงานจากท่านอุบัยย์ บิน กะอับ เราะฎิยัลลอฮุอันฮู เล่าว่า ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวแก่อบู มุนซิรฺ ว่า
«يا أَبَا الْمُنْذِرِ أَتَدْرِي أَيُّ آيَةٍ مِنْ كِتَابِ اللَّهِ مَعَكَ أَعْظَمُ؟» قَالَ: قُلْتُ: اللَّهُ وَرَسُولُهُ أَعْلَمُ. قَالَ: «يَا أَبَا الْمُنْذِرِ أَتَدْرِي أَيُّ آيَةٍ مِنْ كِتَابِ اللَّهِ مَعَكَ أَعْظَمُ؟» قَالَ: قُلْتُ : ﴿اللَّهُ لَا إِلَهَ إِلَّا هُوَ الْحَيُّ الْقَيُّومُ﴾، قَالَ : فَضَرَبَ فِي صَدْرِي وَقَالَ: «وَاللَّهِ، لِيَهْنِكَ الْعِلْمُ أَبَا الْمُنْذِر» [رواه مسلم برقم 810]
ความว่า “โอ้อบู มุนซิรฺ ท่านรู้ไหมว่าโองการใดในอัลกุรอานที่มีความยิ่งใหญ่ที่สุด?” ฉันตอบว่า อัลลอฮฺและเราะสูลเท่านั้นที่รู้ดียิ่ง ท่านนบียังกล่าวถามซ้ำอีกครั้งว่า “อบู มุนซิรฺ ท่านรู้ไหมว่าโองการใดในอัลกุรอานที่มีความยิ่งใหญ่ที่สุด?” ฉันตอบว่า โองการที่ว่า ﴿ ٱللَّهُ لَآ إِلَٰهَ إِلَّا هُوَ ٱلۡحَيُّ ٱلۡقَيُّومُۚ ﴾ แล้วท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ยกมือขึ้นแตะที่หน้าอกของฉันพลางกับกล่าวว่า ”ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ วิชาความรู้จะเป็นเรื่องที่ง่ายดายแก่ท่านอย่างแน่นอนอบู มุนซิรฺเอ๋ย” (บันทึกโดยมุสลิม : 810)
มีรายงานจากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮู เล่าว่า ”ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้มอบหมายให้ฉันรักษาทรัพย์ซะกาตเราะมะฎอน (ซะกาตฟิฏเราะฮฺ) ต่อมาได้มีผู้มาขโมยอาหาร ฉันจึงได้จับกุมตัวเขาไว้ได้ แล้วบอกเขาว่าฉันจะจับเจ้าไปให้ท่านเราะสูลอย่างแน่นอน...ต่อมาในตอนสุดท้ายของหะดีษได้ระบุว่า
إِذَا أَوَيْتَ إِلَى فِرَاشِكَ فَاقْرَأْ آيَةَ الْكُرْسِيِّ ، لَنْ يَزَالَ عَلَيْكَ مِنْ اللَّهِ حَافِظٌ ، وَلَا يَقْرَبَكَ شَيْطَانٌ حَتَّى تُصْبِحَ ، فَقَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : «أَمَا إِنَّهُ قَدْ صَدَقَكَ وَهُوَ كَذُوبٌ، ذَاكَ شَيْطَانٌ» [رواه البخاري برقم 3275]
ความว่า ท่านจงอ่านอายะฮฺกุรสียฺทุกครั้งเมื่อต้องการจะเข้านอน ซึ่งอัลลอฮฺจะปกป้องท่านตลอดทั้งคืน และชัยฏอนจะไม่เข้าใกล้ท่านจนกระทั่งสว่าง แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้บอกกับอบู ฮุร็อยเราะฮฺว่า “มันพูดจริงกับท่านนะ แต่มันเป็นจอมโกหก นั่นคือชัยฎอน” (บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ : 3275)
2. อัลลอฮฺทรงมีความรู้อย่างกว้างขวาง รอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง รู้ถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นมาแล้ว สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นและสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น อัลลอฮฺตรัสว่า
﴿ وَعِندَهُۥ مَفَاتِحُ ٱلۡغَيۡبِ لَا يَعۡلَمُهَآ إِلَّا هُوَۚ وَيَعۡلَمُ مَا فِي ٱلۡبَرِّ وَٱلۡبَحۡرِۚ وَمَا تَسۡقُطُ مِن وَرَقَةٍ إِلَّا يَعۡلَمُهَا وَلَا حَبَّةٖ فِي ظُلُمَٰتِ ٱلۡأَرۡضِ وَلَا رَطۡبٖ وَلَا يَابِسٍ إِلَّا فِي كِتَٰبٖ مُّبِينٖ ٥٩﴾ [الأنعام : 59]
ความว่า “และที่พระองค์มีบรรดากุญแจแห่งความเร้นลับ โดยไม่มีใครล่วงรู้ในสิ่งเร้นลับได้เว้นแต่พระองค์เท่านั้น พระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ในทุกสิ่งที่มีอยู่ในแผ่นดินและในท้องมหาสมุทร ทรงรอบรู้ถึงการร่วงลงมาของใบไม้และรอบรู้ถึงเมล็ดพันธุ์ที่อยู่ในความมืดของดิน และไม่มีสิ่งที่อ่อนนุ่มเปียกชื้นและสิ่งที่แห้งเกรียมใด นอกจากทั้งหมดจะมีอยู่ในบันทึกอันชัดแจ้ง” (อัล-อันอาม : 59)
3. พระองค์อัลลอฮฺทรงยิ่งใหญ่และอำนาจของพระองค์ช่างกว้างขวางและยิ่งใหญ่มาก อัลลอฮฺตรัสว่า
﴿وَمَا قَدَرُواْ ٱللَّهَ حَقَّ قَدۡرِهِۦ وَٱلۡأَرۡضُ جَمِيعٗا قَبۡضَتُهُۥ يَوۡمَ ٱلۡقِيَٰمَةِ وَٱلسَّمَٰوَٰتُ مَطۡوِيَّٰتُۢ بِيَمِينِهِۦۚ سُبۡحَٰنَهُۥ وَتَعَٰلَىٰ عَمَّا يُشۡرِكُونَ ٦٧﴾ [الزمر : 67]
ความว่า “และพวกเขามิได้ให้ความยิ่งใหญ่ต่ออัลลอฮฺตามสถานะของพระองค์อย่างแท้จริง และแผ่นดินนี้ทั้งหมดเป็นเพียงกำพระหัตถ์หนึ่งของพระองค์ในวันกิยามะฮฺ และชั้นฟ้าทั้งหลายจะม้วนกลิ้งด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์ มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ และพระองค์ทรงสูงส่งเหนือจากสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี” (อัล-ซุมัร : 67)
4. การปกปักษ์รักษาชั้นฟ้าและผืนแผ่นดินทั้งหลายไม่ได้เป็นเรื่องที่หนักหนาและไม่เป็นการยุ่งยากแต่อย่างใดสำหรับอัลลอฮฺเลย แต่ทว่ากลับเป็นเรื่องง่ายดายแก่พระองค์ ดังที่พระองค์ตรัสว่า
﴿إِنَّ ٱللَّهَ يُمۡسِكُ ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَٱلۡأَرۡضَ أَن تَزُولَاۚ وَلَئِن زَالَتَآ إِنۡ أَمۡسَكَهُمَا مِنۡ أَحَدٖ مِّنۢ بَعۡدِهِۦٓۚ إِنَّهُۥ كَانَ حَلِيمًا غَفُورٗا٤١﴾ [ فاطر : 41 ]
ความว่า “แท้จริงอัลลอฮฺทรงค้ำจุนชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเอาไว้ มิให้มันตกหล่นลงมา และหากมันทั้งสองตกหล่นลงมา ก็ไม่มีผู้ใดค้ำจุนมันทั้งสองเอาไว้ได้นอกจากพระองค์ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงขันติ ผู้ทรงอภัยเสมอ” (ฟาฏิร : 41)
والحمد لله رب العالمين ، وصلى الله وسلم على نبينا محمد وعلى آله وصحبه أجمعين .