×
รู้จักและเข้าใจเนื้อหาของอิสลาม ผ่านโองการอัลกุรอาน จากสูเราะฮฺ ฟาฏิร เหมาะสำหรับผู้สนใจอิสลาม ที่ต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของอิสลาม จากพระมหาคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้า

    อัลลอฮฺ พระเจ้าผู้ทรงสร้าง

    تأملات في سورة فاطر

    อะหมัดซิดดิก อับดุลรอฮฺหมาน

    أحمد صديق عبد الرحمن

    ตรวจทาน: ซุฟอัม อุษมาน

    مراجعة:  صافي عثمان


    ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ  ผู้ทรงกรุณาปรานี  ผู้ทรงเมตตาเสมอ

    บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ผู้ทรงแต่งตั้งมาลาอิกะฮให้เป็นผู้นำข่าว ผู้มีปีกสอง สาม  และสี่    พระองค์ผู้ทรงเพิ่มในการสร้างตามที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอนุภาพเหนือทุกสิ่ง

    สิ่งใดที่อัลลอฮฺทรงประทานให้จากความเมตตา ความโปรดปราน  วิชาความรู้  อำนาจ  และปัจจัยยังชีพแก่มวลมนุษย์หรือชนชาติใด    ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะยับยั้งมันได้    และสิ่งใดที่พระองค์ทรงยับยั้งมันไว้  ก็ไม่มีผู้ใดที่สามารถที่จะให้มันได้ แท้จริงอัลลอฮฺคือพระผู้ทรงกรรมสิทธิ์ พระผู้ทรงประทานให้ พระผู้ทรงยับยั้ง พระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ  ผู้ทรงปรีชาญาณ

      โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย!  พวกท่านจงรำลึกถึงความโปรดปรานของอัลลอฮที่มีต่อพวกท่าน จะมีพระผู้สร้างอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺกระนั้นหรือที่จะประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกท่านจากฟากฟ้า  และแผ่นดิน  ? ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่เที่ยงแท้นอกจากอัลลอฮฺ  ดังนั้นทำไมเล่าพวกท่านจึงถูกหลอกลวงให้ห่างออกไปจากความจริง?

    ฉันรู้สึกเสียใจที่พวกท่านได้ปฏิเสธสารอิสลาม ที่ฉันได้ประกาศเชิญชวนพวกท่านให้กลับมานับถือศาสนาอิสลาม  ซึ่งเป็นสัจธรรมมาจากอัลลอฮฺพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก แต่ทว่าอัลลอฮทรงปลอบใจท่านมุฮัมมัดศาสนทูตท่านสุดท้ายของพระองค์  และบรรดาผู้เผยแผ่ศาสนาอิสลาม    ซึ่งเป็นบรรดาผู้ที่สานงานของท่าน พระองค์ตรัสว่า: “และหากพวกเขาปฏิเสธเจ้า แน่นอน บรรดาศาสนทูตก่อนหน้าเจ้าก็ได้ถูกปฏิเสธมาก่อนแล้วและการงานทั้งหลายย่อมถูกนำกลับไปหาอัลลอฮฺ”

    โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย! แท้จริงสัญญาของอัลลอฮฺนั้นเป็นจริงเสมอ   ดังนั้นอย่าให้การดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ล่อลวงพวกท่าน และอย่าให้การหลอกล่อของชัยฏอน(มารร้าย)มาล่อลวงพวกท่านเกี่ยวกับอัลลอฮฺเป็นอันขาด แท้จริง มาชัยฏอนนั้นเป็นศัตรูกับพวกเราทุกคน  ดังนั้นพวกเราต้องถือว่ามันเป็นศัตรู แท้จริงมันเรียกร้องพลพรรคของมันเพื่อให้พวกมันเป็นสหายแห่งไฟลุกโชติช่วง.

    บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺนั้น  สำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันสาหัส  ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย    สำหรับพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษและรางวัลอันยิ่งใหญ่  ผู้ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ที่ความชั่วแห่งการงานของเขาได้ถูกทำให้เพริศแพร้วแก่เขา  ซึ่งชัยฏอนมารร้ายได้หลอกเขาแล้วเขาเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดี  และผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺที่พระองค์ทรงให้เขามองเห็นว่า การเคารพสักการะเจว็ดนั้นเป็นสิ่งที่หลงผิดและงมงายแล้วเขาจึงหลีกเลี่ยงห่างไกลออก จากบรรดาเจว็ด  และเขาจะไม่เคารพสักการะอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ  ดังนั้นบุคคลทั้งสองประเภทนั้นจะเท่าเทียมกันละหรือ ?

    แท้จริงอัลลอฮฺจะทรงทำให้หลงผิดแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์  และจะทรงชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์   ดังนั้น อัลลอฮฺทรงได้ปลอบใจท่านมุฮัมมัดศาสนทูตของพระองค์ และทรงให้กำลังใจแก่ผู้เผยแผ่ศาสนาอิสลามว่า “เจ้าอย่าทำให้จิตใจของเจ้ากลับกลายเป็นระทมทุกข์เนื่องด้วยพวกเขา แท้จริง อัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ”

    อัลลอฮฺคือพระเจ้า  ผู้ทรงส่งลมทั้งหลายออกไปและมันได้หอบเป็นเมฆขึ้นพระองค์ทรงได้ให้มันพัดพาไปยังดินแดนที่แห้งแล้ง   แล้งพระองค์ทรงได้ให้แผ่นดินมีชีวิตชุ่มชื่นด้วยน้ำฝน  หลังจากการแห้งแล้งของมันเช่นนั้นแหละการฟื้นคืนชีพ 

    ผู้ใดต้องการอำนาจ จงขอต่อพระองค์โดยตรง เพราะอำนาจทั้งปวงนั้นเป็นสิทธ์ของอัลลอฮฺองค์เดียว  คำกล่าวที่ดีย่อมจะขึ้นไปสู่พระองค์ และการงานที่ดีนั้นพระองค์ทรงยกย่องสรรเสริญมัน  และบรรดาผู้วางแผนชั่วร้ายทั้งหลายนั้น   พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บแสบ  และแผนการของชนเหล่านั้นย่อมพินาศ

    อัลลอฮคือพระเจ้า  ผู้ทรงบังเกิดมนุษย์คนแรกมาจากฝุ่นดินแล้วก็ทรงบังเกิดพวกเรามาจากเชื้ออสุจิ   แล้วทรงทำให้เราเป็นคู่สามีภรรยา และจะไม่มีหญิงใดตั้งครรภ์และนางจะไม่คลอดเว้นแต่ด้วยความรอบรู้ของพระองค์ และจะไม่มีผู้สูงอายุคนใดจะถูกยืดอายุออกไป  และอายุของเขาก็จะไม่ถูกตัดทอน  เว้นแต่อยู่ในบันทึกของพระองค์แท้จริง  นั่นเป็นการง่ายดายสำหรับอัลลอฮฺ     

    น้ำในแม่น้ำและน้ำทะเลทั้งสองนั้นไม่เหมือนกัน   อันนี้จืดสนิทอร่อยน่าดื่ม ดื่มแล้วคล่องคอ   แต่อีกอันหนึ่งเค็มจัด  และแต่ละทุกแห่งนั้นพวกเราจะได้กินเนื้ออันอ่อนนุ่ม และที่พวกเราเอาออกมาจากน้ำทั้งสองนั้นเป็นเครื่องประดับ เพื่อใช้เป็นอาภรณ์  และเราเห็นเรือแล่นฝ่าผิวน้ำไป  เพื่อพวกเราจะได้แสวงหาความโปรดปรานของพระองค์  และเพื่อพวกเราจะได้ขอบคุณต่ออัลลอฮ พระผู้เป็นเจ้า  และพระผู้ทรงกรุณาปราณี

    อัลลอฮคือพระเจ้า ผู้ทรงให้กลางคืนคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวัน  และทรงให้กลางวันคาบเกี่ยวเข้า ไปในกลางคืน และทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์แก่มนุษย์ ทุกสิ่งโคจรไปตามวาระที่ได้กำหนดไว้ นั่นคือพระเจ้าของพวกเรา อำนาจการปกครองทั้งมวลเป็นสิทธิ์ของพระองค์

    สิ่งที่พวกท่านวิงวอนขอจากสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮนั้น พวกมันมิได้ครอบครองสิ่งใด แม้แต่เยื่อหุ้มเมล็ดอินทผลัม หากพวกท่านวิงวอนขอจากพวกมัน พวกมันก็ไม่ได้ยินการวิงวอนของขอของพวกท่านเลย ถึงแม้พวกมันจะได้ยิน  พวกมันก็จะไม่ตอบรับพวกท่าน และในวันปรโลก พวกมันจะปฏิเสธการตั้งภาคีของพวกท่านและจะไม่มีผู้แจ้งเรื่องนี้แก่ท่านมุฮัมมัดศาสนทูตของพระองค์ได้  นอกจากอัลลอฮผู้ทรงรอบรู้ตระหนักยิ่ง

    โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย พวกเราทั้งหลายซึ่งเป็นมนุษย์ผู้ขัดสนต้องการพึ่งอัลลอฮ ส่วนพระองค์นั้นทรงมั่งมีอย่างล้นเหลือ   ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ    

    หากพระองค์ทรงประสงค์  พระองค์ก็จะให้พวกท่านสูญสิ้นไป    และจะนำมาซึ่งกลุ่มชนใหม่   และในการนั้น  มิใช่เป็นการอยากสำหรับอัลลอฮเลย

    และไม่มีผู้กระทำผิดคนใดที่จะแบกความผิดของผู้อื่นได้ และผู้ที่มีความผิดของตนอยู่แล้วจะถูกขอร้องให้ช่วยแบ่งเบาภาระจากผู้อื่น    เขาก็ไม่สามารถจะกระทำได้  แม้จะเป็นญาติใกล้ชิดสนิทสนมกันสักปานใดก็ตาม

    แท้จริงท่านมุฮัมมัดศาสนทูตของอัลลอฮเป็นเพียงผู้ตักเตือนบรรดาผู้ยำเกรงกลัวพระเจ้าของพวกเขาในสิ่งเร้นลับ    และพวกเขาดำรงไว้ซึ่งการละหมาด  และผู้ใดขัดเกลาตนเอง  แท้จริง  เขาก็ขัดเกลาเพื่อตัวของเขาเอง   และอัลลอฮเท่านั้น คือการกลับไปของมวลมนุษย์ในวันปรโลก

    คนตาบอดกับคนตาดีนั้น ย่อมไม่เหมือนกัน  และผู้ปฏิเสธกับผู้ศรัทธานั้นก็ไม่เหมือนกัน               ความมืดกับแสงสว่างนั้นย่อมไม่เหมือนกัน  และศาสนาอื่นกับศาสนาอิสลามนั้น  ก็ไม่เหมือนกัน              ที่ร่มเง่ากับที่ร้อนจัดย่อมไม่เหมือนกัน  และสัจธรรมกับความเท็จก็ไม่เหมือนกัน  คนเป็นกับคนตายนั้น  ย่อมไม่เหมือนกัน  และผู้มีสติปัญญากับคนโง่เขล่านั้นก็ย่อมไม่เหมือนกัน  แท้จริงอัลลอฮทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์   ได้ยินและได้ตอบรับ การเรียกร้องไปสู่สัจธรรมแห่งอิสลาม และท่านมุฮัมมัดศาสนทูตของพระองค์ไม่สามารถที่จะให้ผู้ที่อยู่ในหลุมฝังศพได้ยินได้   และท่านศาสนฑูตนั้นมิใช่ผู้อื่นใดนอกจากเป็นผู้ตักเตือนและสั่งสอนเท่านั้น

    ในฐานะที่ฉันเป็นคนหนึ่งในจำนวนบรรดามุสลิมผู้สืบทอดแนวทางของท่านมุฮัมมัดศาสนทูตท่านสุดท้ายของอัลลอฮ ซึ่งฉันได้เผยแผ่ศาสนาอิสลามแก่มนุษยชาติ ฉันไม่สามารถที่จะให้ผู้ที่จิตใจตายมารับทางนำแห่งอิสลามได้  และฉันมิใช่อื่นใดนอกจากเป็นผู้ตักเตือนเท่านั้น

    แท้จริงอัลลอฮฺได้ส่งท่านมุฮัมมัด  ศาสนทูตท่านสุดท้ายของพระองค์  มาด้วยสัจธรรม  เป็นผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือนและไม่มีประชาชาติในอดีตเว้นแต่จะต้องมีผู้ที่ตักเตือนถูกส่งมายังพวกเขา     และฉันคือคนหนึ่งในหมู่ผู้ตักเตือนที่ทำหน้าที่เผยแผ่ศาสนาอิสลามสำหรับพวกท่านในปัจจุบัน

    และหากพวกเขาปฏิเสธท่านมุฮัมมัดศาสนทูตท่านสุดท้ายของพระองค์  แน่นอน  บรรดาผู้มีมาก่อนพวกเขาก็ได้ปฏิเสธมาก่อนแล้ว  บรรดาศาสนฑูตของพวกเขาได้นำหลักฐานอันชัดแจ้งมายังพวกเขาและด้วยคัมภีร์ต่าง  ๆ และคัมภีร์อันแจ่มจรัส  แล้วพระองค์ทรงได้ลงโทษบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา     ดั้งนั้นการปฏิเสธต่อพระองค์จะมีผลเป็นอย่างไรต่อพวกเขา ?

    ท่านมิได้พิจารนาดอกหรือว่า   แท้จริงอัลลอฮนั้นทรงได้ให้น้ำหลั่งลงมาจากฟากฟ้า  แล้วพระองค์ได้ให้พืชผลงอกเงยขึ้นมาด้วยมัน    สีสันของมันแตกต่างกันไป และในหมู่ภูเขาทั้งหลายแตกต่างกันออกไป  ขาวและแดงหลากหลายสี และสีดำสนิท และในหมู่มนุษย์สัตว์  และปศุสัตว์ก็มีหลากหลายสีเช่นเดียวกัน  แท้จริง  บรรดาผู้ที่มีความรู้จากปวงบ่าวของพระองค์เท่านั้นที่เกรงกลัวอัลลอฮ แท้จริง  อัลลอฮนั้นเป็นผู้ทรงอำนาจ  ผู้ทรงอภัยเสมอ

    แท้จริง   บรรดาผู้อ่านคัมภีร์ของอัลลอฮและดำรงละหมาด   และบริจาคสิ่งที่พระองค์ทรงได้ให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา โดยซ้อนเร้นและเปิดเผย  เพื่อหวังการค้าที่ที่ไม่ซบเซา และไม่ขาดทุน เพื่อพระองค์จะทรงตอบแทนรางวัลของพวกเขาอย่างครบถ้วน   และพระองค์จะทรงเพิ่มให้กับพวกเขา  จากความโปรดปรานของพระองค์ แท้จริง  พระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงชื่นชมในการภักดีของพวกเขา

    คัมภีร์อัลกุรอานที่อัลลอฮทรงได้ประทานให้แก่ท่านมุฮัมมัดศาสนฑูตท่านสุดท้ายของพระองค์นั้น  มันคือสัจธรรม เป็นการยืนยันในสิ่งที่ได้มีมาก่อน แท้จริงอัลลอฮเป็นผู้ทรงตระหนัก  ผู้ทรงเห็นต่อปวงบ่าวของพระองค์  และอัลลอฮทรงได้ให้คัมภีร์  เป็นมรดกสืบทอดมาแก่บรรดาผู้ที่พระองค์ทรงคัดเลือกแล้วจากปวงบ่าวของพระองค์  บางคนในหมู่พวกเขาอธรรมแก่ตัวเอง  และบางคนในหมู่พวกเขาเดินสายกลาง  และบางคนในหมู่พวกเขาเป็นผู้รุดหน้าในการทำความดีทั้งหลายด้วยอนุมัติของอัลลอฮ  นั่นคือความโปรดปรานอันใหญ่หลวง

    สวนสวรรค์หลากหลายเป็นที่พำนักอันสถาพรพวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้น  ในสวนสวรรค์  พวกเขาจะได้ประดับด้วยกำไลทองและไข่มุก   และอาภรณ์ของพวกเขาในนั้นคือผ้าไหม และพวกเขากล่าวว่า  :  “ บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ ซึ่งพระองค์ทรงขจัดความระดมทุกข์ออกจากเรา    แท้จริงพระเจ้าของเราเป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงชื่นชมซึ่งพระองค์ทรงให้เราได้พำนักในสถานที่พำนักอันสถาพร  ด้วยความโปรดปรานของพระองค์   ความเหน็ดเหนื่อยจะไม่ประสบแก่เราในนั้น   และความเบื่อหน่าย ก็จะไม่ประสบแก่เราในนั้น”

    ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา พวกเขาจะได้รับการตอบแทนคือไฟนรกญะฮันนัม  จะไม่ถูกตัดสินลงโทษให้พวกเขาตาย  เพื่อที่พวกเขาจะได้ตาย และการลงโทษของมันก็จะไม่ถูกลดหย่อนแก่พวกเขา   เช่นนั้นแหละอัลลอฮจะทรงตอบแทนแก่ทุกผู้เณรคุณและปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ และพวกเขาจะตะโกนอยู่ในนรกนั้นว่า : “ข้าแต่พระเจ้าของเรา  ขอพระองค์ได้ทรงโปรดนำเราออกไป      (จากนรก) เพื่อเราจะได้ปฏิบัติการงานที่ดีอื่นจากที่เราได้ปฏิบัติไปแล้ว”

    แล้วอัลลอฮทรงตรัสแก่ชาวนรกว่า : “ เรามิได้ให้อายุของพวกเจ้ายืนนานพอดอกหรือ     เพื่อผู้ที่ใคร่ครวญจะได้รำลึกถึงขอตักเตือน และได้มีผู้ตักเตือนมายังพวกเจ้าแล้ว ดังนั้น พวกเจ้าจงลิ้มรส (การลงโทษ ) เถิด  เพราะสำหรับบรรดาผู้อธรรมนั้นจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ”

    แท้จริงอัลลอฮนั้นทรงรอบรู้ในสิ่งเร้นลับแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก  พระองค์คือผู้ทรงแต่งตั้งพวกเราให้เป็นตัวแทนรับช่วงในแผ่นดิน   ดังนั้น     ผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ  การปฏิเสธก็จะตกอยู่แก่เขา  และการปฏิเสธศรัทธาของพวกเขาจะไม่เพิ่มสิ่งใดให้แก่พวกเขา ณ ที่พระเจ้าของพวกเขาเลย นอกจากความอัปยศอดสู และการปฏิเสธศรัทธาของพวกเขาจะไม่เพิ่มสิ่งใดให้แก่พวกเขานอกจากความหายนะ

    ฉันขอถามบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาว่า  : พวกท่านไม่เห็นดอกหรือ  บรรดาเจว็ดที่พวกท่านได้ให้พวกมันมีหุ้นส่วนกับอัลลอฮ  ในการเคารพสักการะของพวกท่าน  และสิ่งที่พวกท่านวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮจงแสดงให้ฉันเห็นซิว่าพวกมันได้สร้างอะไรในแผ่นดินนี้    หรือว่าพวกมันมีส่วนร่วมในชั้นฟ้าทั้งหลาย หรือว่าอัลลอฮพระผู้เป็นเจ้าทรงได้ให้คัมภีร์แก่พวกมัน  เปล่าดอก   บรรดาผู้อธรรมนั้น  ต่างก็มิได้มีสัญญาอะไรต่อกันนอกจากความหลอกหลวงเท่านั้น

    แท้จริงอัลลอฮทรงค้ำจุนชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินเอาไว้  มิให้มันหล่นลงมา และหากมันทั้งสองหล่นลงมา  ก็ไม่มีผู้ใดค้ำจุนมันทั้งสองไว้ได้นอกจากพระองค์  แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงขันติ  ผู้ทรงอภัยเสมอ

    และพวกเขาได้สาบานต่ออัลลอฮด้วยการสาบานอย่างแข็งขันของพวกเขาว่า :  “หากมีผู้ตักเตือนมายังพวกเขา  แน่นอนพวกเขาจะเป็นประชาชาติที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้องยิ่ง (กว่าประชาชาติอื่น)"

     ครั้นเมื่อได้มีผู้ตักเตือนมายังพวกเขา  มันมิได้เพิ่มสิ่งใดแก่พวกเขานอกจากการเตลิดหนี       ด้วยการหยิ่งยโสในแผ่นดิน และการวางแผ่นชั่วต่อท่านมุฮัมมัดศาสนทูตของอัลลอฮ  และบรรดาผู้ศรัทธาซึ่งทำหน้าที่เผยแผ่ศาสนาของพระองค์   แต่แผนชั่วนั้นจะไม่ห้อมล้อมผู้ใดนอกจากเจ้าของของมันเท่านั้น   พวกเขาจะคอยอะไรอีกเล่า นอกจากแนวทางของบรรพชนที่ถูกทำลายในอดีต   เพราะการปฏิเสธของพวกเขา  นั้นคือแนวทางของอัลลอฮ  ซึ่งจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในแนวทางของอัลลอฮแต่ประการใด

    พวกเขาไม่ได้ท่องเที่ยวไปตามแผ่นดินดอกหรือ แล้วพิจารณาดูว่า  บั้นปลายของประชาชาติในยุคก่อนหน้าพวกเขานั้นเป็นเช่นใด?    เป็นที่ปรากฏว่าพวกเหล่านั้นมีพลังเข็มแข็งกว่าพวกเขา       และสำหรับอัลลอฮนั้น ไม่มีสิ่งใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินจะทำให้พระองค์หมดความสามารถไปได้   แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงอนุภาพเสมอ

    และหากอัลลอฮจะเอาโทษมนุษย์   ตามที่พวกเขาได้ขวนขวายเอาไว้แล้ว  พระองค์จะไม่ทรงให้เหลือไว้บนหน้าแผ่นดินซึ่งสัตว์โลกต่าง ๆ    แต่ว่าพระองค์ทรงประวิงเวลาให้พวกเขาจนถึงเวลาที่ถูกกำหนดไว้  และพระองค์ทรงผ่อนผันประวิงเวลาการลงโทษพวกเขาออกไปจนกระทั่งถึงวันแห่งการตอบแทนในวันปรโลก   ครั้นเมื่อวาระกำหนดของพวกเขามาถึง เมื่อนั้นแหละอัลลอฮจะทรงตอบแทนผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลายด้วยสวนสวรรค์  และพระองค์จะทรงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาด้วยไฟนรก  และพวกเขาจะเป็นผู้พำนักอยู่ในนรกตลอดกาล.

    แท้จริงอัลลอฮเป็นผู้ทรงเห็นปวงบ่าวของพระองค์เสมอ.

    ท่านจงกล่าวเถิด คำปฏิญาณว่า : “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ, มุฮัมมัด รอซูลุลลอฮฺ” “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และมุฮัมมัดเป็นศาสนฑูตของอัลลอฮฺ” แน่นอน ท่านจะพบกับความสันติสุขในโลกนี้ และท่านจะพ้นจากไฟนรก และจะได้เข้าสวนสวรรค์ในวันปรโลก