×
ถาม : เราจะผนวกให้สอดคล้องกันอย่างไร ระหว่างวิทยาการแพทย์สมัยใหม่ ที่สามารถตรวจสอบว่าทารกที่อยู่ในครรภ์ เป็นเพศชายหรือหญิงกับคำตรัสของอัลลอฮฺที่ว่า "และพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในครรภ์" (ลุกมาน 34)

    วิทยาการแพทย์กับอัลกุรอานที่ว่า "อัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในครรภ์"

    [ ไทย ]

    علم الطب وقوله تعالى : «ويعلم ما في الأرحام»

    [ باللغة التايلاندية ]

    อุษมาน อิดรีส

    عثمان إدريس

    ตรวจทาน: ซุฟอัม อุษมาน

    مراجعة: صافي عثمان

    สำนักงานความร่วมมือเพื่อการเผยแพร่และสอนอิสลาม อัร-ร็อบวะฮฺ กรุงริยาด

    المكتب التعاوني للدعوة وتوعية الجاليات بالربوة بمدينة الرياض

    1429 – 2008

    วิทยาการแพทย์กับอัลกุรอานที่ว่า "อัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในครรภ์"

    vv[อบอบ

    ถาม : เราจะผนวกให้สอดคล้องกันอย่างไร ระหว่างวิทยาการแพทย์สมัยใหม่ที่สามารถตรวจสอบว่าทารกที่อยู่ในครรภ์เป็นเพศชายหรือหญิงกับคำตรัสของอัลลอฮฺที่ว่า

    «وَيَعْلَمُ مَا فِي الأَرْحَامِ»

    ความว่า "และพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในครรภ์" (ลุกมาน 34)

    ตอบ : ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงก่อนว่า ไม่มีความขัดแย้งกันเป็นอันขาดระหว่างความชัดแจ้งของอัลกุรอานกับวิทยาการสมัยใหม่ ถ้าหากว่าไปถึงระดับที่มีการยืนยันอย่างชัดแจ้งและแน่นอน ไม่ใช่เป็นเพียงทฤษฎีและการคาดคะเนที่ไม่แน่นอน และถ้าหากพบว่าในสภาพความเป็นจริงเกิดการขัดแย้งกัน ดังนั้นเราพอจะอนุมานได้ว่า

    1. อาจเป็นไปได้ว่า ความจริงที่ค้นพบเป็นเพียงแค่การคาดคะเนหรือการแอบอ้างที่ไม่มีมูลความจริงที่แน่นอน

    2. หรือหลักฐานจากอัลกุรอานไม่ได้บ่งบอกอย่างชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่ค้านกันอยู่

    เพราะความชัดแจ้งของอัลกุรอานกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏล้วนเป็นสิ่งที่แน่นอน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เป็นอันขาดที่ข้อเท็จจริงของทั้งสองจะมาขัดแย้งกัน

    เช่นเดียวกับวิทยาการสมัยใหม่ของวงการแพทย์ที่สามารถหยั่งรู้ถึงประเภทของทารกที่อยู่ในนครรภ์มารดาว่าเป็นเพศชายหรือหญิงไม่ได้ขัดแย้งกันเลยกับความรู้ของอัลลอฮฺในสิ่งที่เร้นลับ ถึงแม้ว่าวงการแพทย์จะสามารถรับรู้ถึงประเภทของทารกหลังจากที่ได้ก่อตัวเป็นตัวตนแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะรับรู้ถึงเพศของทารก เช่นเดียวกับที่พวกเขาไม่สามารถรับรู้ถึงระยะเวลาที่แน่นอนของการอาศัยอยู่ในครรภ์ของทารก และไม่สามารถหยั่งรู้ถึงอนาคตของทารกว่าต่อไปเขาจะได้ทำงานอะไร และปัจจัยยังชีพของเขาเป็นอย่างไร และไม่สามารถหยั่งรู้ว่าทารกคนนั้นจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว จะมีความสุขในชีวิตหรือความทุกข์ เช่นเดียวกับที่อายะฮฺอัลกุรอานก็ไม่ได้บ่งบอกอย่างชัดแจ้งว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถรับรู้ถึงเพศของทารกในครรภ์ อัลกุรอานระบุเพียงแต่ว่า "ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในครรภ์" ซึ่งเป็นคำที่มีนัยยะกว้างโดยปราศจากการเจาะจงเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

    ดังนั้นเมื่อเป็นที่ประจักษ์โดยผ่านเครื่องมือที่มีความละเอียดสำหรับใช้เปิดเผยสิ่งที่อยู่ในครรภ์ และสามารถรับรู้ถึงความเป็นชายและหญิงของทารก สัจธรรมอันนี้จึงไม่เป็นการขัดแย้งกับอายะฮฺอัลกุรอาน เพราะอัลกุรอานบ่งบอกถึงสิ่งที่เร้นลับที่เกี่ยวกับความรู้ของอัลลอฮฺในสิ่งต่างๆ ทั้งห้าประเภท ซึ่งรวมถึงสิ่งเร้นลับเกี่ยวกับทารก ได้แก่ ระยะเวลาที่ทารกอาวัยอยู่ในครรภ์ อายุขัย อาชีพ ปัจจัยยังชีพ ความสุขและความทุกข์ หรือความดีและความชั่ว และสภาพความเป็นชายและหญิงของทารกก่อนที่จะถูกสร้างเป็นตัวตน ส่วนหลังจากที่ทารกได้ก่อตัวหรือถูกสร้างมาเรียบร้อยแล้ว ความรู้เกี่ยวกับเพศของทารกว่าเป็นเพศชายหรือหญิงจึงไม่ได้เป็นสิ่งที่เร้นลับอีกต่อไป เพราะด้วยการสร้างเป็นตัวตนดังกล่าวทำให้กลายเป็นความรู้ที่สัมผัสได้ เพียงแต่ว่ามันถูกซุกซ่อนและกั้นอยู่ในความมืดมิดสามชั้น ซึ่งถ้าเอาสิ่งที่กั้นอยู่ทั้งสามชั้นนั้นออกก็จะเป็นที่ประจักษ์ทันที

    อิบนุกะษีร (เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 774) กล่าวอธิบายความหมายของอายะฮฺในสูเราะฮฺลุกมานข้างต้นว่า "เช่นเดียวกับที่ไม่มีผู้ใดสามารถหยั่งรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในครรภ์ว่าพระองค์ทรงประสงค์จะสร้างอะไรบ้าง อย่างไรบ้าง นอกจากพระองค์เท่านั้น แต่เมื่อพระองค์ทรงกำหนดเรียบร้อยแล้วว่าทารกในครรภ์เป็นเพศชายหรือหญิง เป็นคนดี หรือชั่ว บรรดามะลาอิกะฮฺที่ได้รับคำสั่งในกิจการดังกล่าวก็จะรับรู้ และบ่าวของพระองค์บางคนที่พระองค์ทรงประสงค์ก็จะรับรู้ด้วย"

    ในเมื่ออายะฮฺดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการสร้างหรือก่อตัวแล้ว แต่ทว่าเป็นการบ่งชี้ถึงความเร้นลับก่อนหน้านั้น ดังนั้นความหมายของอายะฮฺนี้จึงไม่ได้ขัดแย้งกับวิทยาการเกี่ยวกับความเป็นเพศชายหรือหญิงของทารกที่อยู่ในครรภ์แต่อย่างใด

    เชคอะฏิยะฮฺ เศาะก็อร กล่าวว่า อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

    «اللهُ يَعْلَمُ مَا تَحْمِلُ كُلُّ أُنثَى وَمَا تَغِيضُ الأَرْحَامُ وَمَا تَزْدَادُ وَكُلُّ شَيْءٍ عِندَهُ بِمِقْدَارٍ»

    ความว่า "อัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่ผู้หญิงทุกคนอุ้มครรภ์และสิ่งที่มดลูกขาดหายไป (เช่นจำนวนไม่ครบ อวัยวะของทารกไม่สมบูรณ์ ร่างกายไม่สมบูรณ์แท้ง และคลอดก่อนกำหนดเป็นต้น) และสิ่งที่เกิน (เช่นมีอวัยวะที่มากกว่าปกติ เพิ่มจำนวน เพิ่มระยะเวลาการตั้งครรภ์จากปกติ เป็นต้น) และทุกๆ สิ่งถูกกำหนดเรียบร้อยแล้ว ณ พระองค์" (อัรเราะอฺดุ 8)

    และพระองค์ได้ตรัสว่า

    «إِنَّ اللهَ عِندَهُ عِلْمُ السَّاعَةِ وَيُنَزِّلُ الْغَيْثَ وَيَعْلَمُ مَا فِي الأَرْحَامِ»

    ความว่า "แท้จริงอัลลอฮฺ มีความรู้แห่งวันอวสานอยู่ ณ ที่พระองค์ และพระองค์ทรงประทานฝนลงมา และพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในครรภ์ลูก" (ลุกมาน 34)

    วิทยาการของมนุษย์เกี่ยวกับเพศของทารกที่อยู่ในครรภ์ของมารดาไม่ได้ขัดแย้งกับความรอบรู้ของอัลลอฮฺเกี่ยวกับสิ่งที่มีอยู่ในครรภ์แต่อย่างใด ด้วยเหตุผลดังนี้คือ อัลลอฮฺทรงรอบรู้ถึงสิ่งดังกล่าวก่อนที่ทารกจะเกิดเป็นตัวตน หมายถึงก่อนที่ไข่(egg)ของเพศหญิงจะไปรวมตัวและปฏิสนธิ(zygote)กับน้ำอสุจิ(sperm)ของเพศชาย จนกระทั่งทารกถูกคลอดออกมา ยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงรอบรู้ก่อนที่จะมีการแต่งงานระหว่างหญิงชายด้วยซ้ำ ในขณะที่วิทยาการแพทย์ไม่สามารถรับรู้ในสิ่งที่อยู่ในครรภ์นอกจากหลังจากที่มีการเจริญเติมโตของไข่จนถึงระยะที่สามารถตรวจสอบและวินิจฉัย ส่วนคำกล่าวที่ว่าวิทยาการแพทย์สามารถรับรู้ก่อนที่จะมีการเจริญเติบโตของไข่ด้วยการตรวจสอบจากน้ำอสุจิของเพศชายและรู้ถึงประเภทของโครโมโซมที่มีมากกว่าปนอยู่นั้น ที่จริงแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกหลายอย่างที่วงการแพทย์ไม่สามารถระบุอย่างแน่นอนหรือฟันธงได้ เพราะทุกๆ สิ่งล้วนอยู่ภายใต้กำหนดการณ์ของอัลลอฮฺทั้งสิ้น และสิ่งที่พวกเขาได้สรุปออกมายังอยู่ในระดับของการคาดคะเนที่มีเปอร์เซ็นของความคลาดเคลื่อนอยู่"

    อ้างอิง

    - ฟะตาวา อัรกาน อัลอิสลาม ของ อิบนุ อุษัยมีน

    - http://www.layyous.com/root%20folder/sex%20selection.htm