อิสลาม คือศาสนาแห่งสัญชาตญาณ สติปัญญา และความสุข
บทความนี้ถูกแปลเป็นภาษา
- Русский - Russian
- العربية - Arabic
- অসমীয়া - Assamese
- Hausa - Hausa
- ગુજરાતી - Unnamed
- English - English
- Wikang Tagalog - Tagalog
- Tiếng Việt - Vietnamese
- සිංහල - Sinhala
- አማርኛ - Amharic
- বাংলা - Bengali
- Кыргызча - Кyrgyz
- español - Spanish
- italiano - Italian
- فارسی دری - Unnamed
- azərbaycanca - Azerbaijani
- Mõõré - Mõõré
- тоҷикӣ - Tajik
- português - Portuguese
- svenska - Swedish
- नेपाली - Nepali
- čeština - Czech
- български - Bulgarian
- Deutsch - German
- 中文 - Chinese
- Bahasa Indonesia - Indonesian
- magyar - Hungarian
- Türkçe - Turkish
- فارسی - Persian
- Kurdî - Kurdish
- bosanski - Bosnian
- bamanankan - Bambara
- हिन्दी - Hindi
- Nederlands - Dutch
- മലയാളം - Malayalam
- پښتو - Pashto
- ქართული - Georgian
- Српски - Serbian
- Wollof - Wolof
- Kinyarwanda - Kinyarwanda
- polski - Polish
- Malagasy - Malagasy
- Lingala - Unnamed
- اردو - Urdu
- ئۇيغۇرچە - Uyghur
- română - Romanian
- Ўзбек - Uzbek
หมวดหมู่
Full Description
อิสลาม
คือศาสนาแห่งสัญชาตญาณ สติปัญญา และความสุข
ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ผู้ทรงกรุณาปรานีผู้ทรงเมตตาเสมอ
คุณเคยถามตัวคุณหรือไม่?
ใครเป็นผู้สร้างท้องฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทุกสิ่งที่มีอยู่ในทั้งสองนั้นจากสิ่งถูกสร้างที่ยิ่งใหญ่? และใครเป็นผู้สร้างระบบที่แม่นยำรัดกุมขึ้นมา?
จักรวาลที่ยิ่งใหญ่นี้ได้รับการจัดระเบียบและมั่นคงด้วยกฎระเบียบของมันที่คอยควบคุมมันอย่างรัดกุมและแม่นยำ ตลอดที่ผ่านมาได้อย่างไร?
จักรวาลนี้สร้างตัวของมันเองกระนั้นหรือ? หรือเกิดขึ้นจากความว่างเปล่า? หรือเกิดขึ้นโดยบังเอิญ?
ใครเป็นผู้สร้างคุณ?
ใครเป็นผู้วางระบบที่แม่นยำนี้ในระบบร่างกายของคุณและร่างกายของสิ่งมีชีวิต?
ไม่มีคนที่มีสติคนใดที่จะยอมรับต่อคำพูดที่ว่า: บ้านหลังนี้มาโดยไม่มีใครสร้าง! หรือมีคนพูดกับเขาว่า: แท้จริง ความว่างเปล่าเป็นสิ่งที่สร้างบ้านหลังนี้! แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่บางคนเชื่อในคำพูดที่ว่า: จักรวาลอันยิ่งใหญ่นี้เกิดขึ้นมาโดยไม่มีผู้สร้าง? เป็นไปได้อย่างไรผู้มีสติปัญญาจะยอมรับกับคำกล่าวที่ว่า: แท้จริง ระบบของจักรวาลที่รัดกุมนี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ?
แน่นอน ต้องมีพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ที่เป็นผู้สร้างและผู้ปกครองจักรวาลนี้และทุกสิ่งในจักรวาล และพระเจ้าองค์นั้นคืออัลลอฮ์ ผู้ทรงมหาบริสุทธิ์ ผู้ทรงสูงส่งยิ่ง
และอัลลอฮ์ ผู้ทรงบริสุทธิ์ ได้ส่งบรรดาศาสนทูตมาให้เรา และทรงประทานคัมภีร์ (วิวรณ์) ลงมาให้พวกเขา โดยที่คัมภีร์เล่มสุดท้ายคืออัลกุรอาน ซึ่งอัลลอฮ์ทรงประทานลงมาแก่มุฮัมมัด ศาสนทูตท่านสุดท้ายของพระองค์ และด้วยบรรดาคัมภีร์และบรรดาศาสนทูตของพระองค์นั้น:
⦁ทำให้เรารู้จักตัวตนของพระองค์ คุณลักษณะและสิทธิ์ของพระองค์ ที่เราต้องต้องปฏิบัติ และอธิบายถึงสิทธิ์ของเรา ที่พึงได้รับจากพระองค์
⦁และพระองค์ทรงบอกเราว่า พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงสร้างทุกสิ่ง พระองค์ทรงมีชีวิตและไม่ตาย และทุกสิ่งอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ อยู่ภายใต้อำนาจและการควบคุมของพระองค์
และพระองค์บอกเราว่า คุณลักษณะประการหนึ่งของพระองค์คือความรู้ แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง และพระองค์ทรงได้ยินและทรงเห็นทุกสิ่ง และไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้นจากพระองค์ได้ไม่ว่าในแผ่นดินหรือในฟากฟ้า
และอัลลอฮ์ คือพระเจ้าผู้ทรงชีวิตนิรันดร์ ผู้ทรงดำรงด้วยพระองค์เอง ซึ่งพระองค์ผู้เดียวเป็นผู้ให้ชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด และการดำรงชีวิตของทุกสิ่งนั้นขึ้นอยู่กับพระองค์ มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ อัลลอฮ์ ตะอาลา ตรัสว่า:นนนนนนน﴿اللَّهُ لا إِلَهَ إِلَّا هُوَ الْحَيُّ الْقَيُّومُ لا تَأْخُذُهُ سِنَةٌ وَلا نَوْمٌ لَهُ مَا فِي السَّمَوَاتِ وَمَا فِي الأَرْضِ مَنْ ذَا الَّذِي يَشْفَعُ عِنْدَهُ إِلَّا بِإِذْنِهِ يَعْلَمُ مَا بَيْنَ أَيْدِيهِمْ وَمَا خَلْفَهُمْ وَلا يُحِيطُونَ بِشَيْءٍ مِنْ عِلْمِهِ إِلَّا بِمَا شَاءَ وَسِعَ كُرْسِيُّهُ السَّمَوَاتِ وَالأَرْضَ وَلا يَئُودُهُ حِفْظُهُمَا وَهُوَ الْعَلِيُّ الْعَظِيمُ﴾ "อัลลอฮ์ คือไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรแก่การเคารพสักการะนอกจากพระองค์เท่านั้น ผู้ทรงพระชนม์อยู่ ผู้ทรงดำรงอยู่นิรันดร์ ผู้ซึ่งการง่วงและการนอนไม่เกิดขึ้นกับพระองค์ ผู้ทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ไม่มีใครสามารถอ้อนวอนขอช่วยเหลือให้แก่ผู้อื่นได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพระองค์ ผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาและสิ่งที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา และพวกเขาไม่สามารถที่จะรอบรู้สิ่งใดๆ จากความรู้ของพระองค์ได้ เว้นแต่สิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์เท่านั้น เก้าอี้ของพระองค์นั้นกว้างขวางครอบคลุมชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และไม่เป็นภาระใดๆ ต่อพระองค์ในการดูแลรักษาทั้งสองนั้น และพระองค์คือผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่"[ซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ : 255]
⦁และพระองค์ทรงบอกเราว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่มีคุณสมบัติแห่งความสมบูรณ์แบบ และพระองค์ทรงประทานสติปัญญาและความรู้สึกที่เข้าใจในความอัศจรรย์แห่งการสร้างและความสามารถของพระองค์ แสดงให้เราเห็นถึงความยิ่งใหญ่ พลังอำนาจ และความสมบูรณ์แบบแห่งคุณลักษณะของพระองค์ พระองค์ทรงปลูกฝังสัญชาตญาณให้แก่เราที่แสดงให้เห็นความสมบูรณ์แบบของพระองค์ และเป็นไปไม่ได้สำหรับพระองค์ที่จะมีคุณลักษณะที่ไม่สมบูรณ์แบบ
⦁และพระองค์ทรงสอนเราว่า อัลลอฮ์ทรงอยู่เหนือฟากฟ้า ไม่ได้อยู่ในจักรวาล และจักรวาลนี้ก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในพระองค์
⦁และพระองค์บอกเราว่า เราต้องยอมจำนนต่อพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้สร้างเรา ผู้สร้างจักรวาลนี้และทรงเป็นผู้บริหารมัน
เพราะผู้สร้างนั้น ต้องมีคุณลักษณะแห่งความยิ่งใหญ่ และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคุณลักษณะแห่งการพึ่งต่อสิ่งอื่นหรือไม่สมบูรณ์แบบ พระเจ้าต้องไม่ลืม ไม่หลับ ไม่กินอาหาร และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีภรรยาหรือลูก และหลักฐานใดก็ตามที่ขัดแย้งกับความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์ พระเจ้าผู้ทรงสร้างนั้น ถือว่าไม่ได้เป็นหลักฐานที่มาจากวะห์ยูที่แท้จริงที่นำโดยบรรดาศาสนทูตของอัลลอฮ์ อะลัยฮิมุสสลาม
อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงตรัสในคัมภีร์อัลกุรอาน ว่า:﴿قُلۡ هُوَ ٱللَّهُ أَحَدٌ * "จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) พระองค์คืออัลลอฮ์ผู้ทรงเอกะ*ٱللَّهُ ٱلصَّمَدُ * อัลลอฮ์นั้นทรงเป็นที่พึ่ง*لَمۡ یَلِدۡ وَلَمۡ یُولَدۡ * พระองค์ไม่ประสูติ และไม่ทรงถูกประสูติ*وَلَمۡ یَكُن لَّهُۥ كُفُوًا أَحَدُۢ﴾ และไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์"[ซูเราะฮ์ อัลอิคลาศ : 1-4]
หากคุณศรัทธาต่อพระผู้อภิบาลผู้เป็นผู้สร้างแล้ว... คุณเคยสงสัยถึงจุดประสงค์ของการสร้างคุณหรือไม่? อัลลอฮ์ต้องการอะไรจากเรา และอะไรคือจุดประสงค์ของการดำรงอยู่ของเรา?
เป็นไปได้ไหมที่อัลลอฮ์สร้างเรามาแล้ว ทิ้งเราไม่สนใจเรา? เป็นไปได้ไหมที่อัลลอฮ์สร้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมดนี้โดยไม่มีเป้าหมายหรือจุดประสงค์ใดๆ?
แท้จริง "อัลลอฮ์" พระเจ้าผู้ทรงอภิบาล ผู้ทรงยิ่งใหญ่ ได้ทรงบอกแก่เราถึงจุดประสงค์ของการที่พระองค์สร้างเรามา นั่นก็คือการเคารพสักการะต่ออัลลอฮ์เพียงผู้เดียว และอะไรคือสิ่งที่พระองค์ต้องการจากเรา! พระองค์ทรงบอกเราว่ามีเพียงพระองค์เท่านั้นที่ควรได้รับการเคารพสักการะ และพระองค์ทรงอธิบายให้เราทราบผ่านบรรดาศาสนทูตของพระองค์ อะลัยฮิมุสสลาม ถึงวิธีการเคารพสักการะพระองค์อย่างไร? วิธีการเข้าใกล้พระองค์ด้วยการทำตามพระบัญชาของพระองค์และละทิ้งข้อห้ามของพระองค์อย่างไร? และเราจะได้รับความพอพระทัยของพระองค์ได้อย่างไร? ระวังจากการลงโทษของพระองค์ และพระองค์ทรงบอกเราเกี่ยวกับที่พำนักสุดท้ายหลังความตายของเราว่าอย่างไร?
และพระองค์ทรงบอกเราว่า แท้จริงการมีชีวิตในโลกนี้นั้น เป็นเพียงการทดสอบเท่านั้น และชีวิตที่แท้จริงที่สมบูรณ์นั้น คือในวันอาคิเราะฮ์หลังจากที่ตายไปแล้ว
และพระองค์ทรงบอกเราว่า ใครก็ตามที่ทำการเคารพสักการะอัลลอฮ์ตามที่พระองค์ทรงบัญชาไว้ และไม่ทำสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม เขาจะได้มีชีวิตที่ดีในโลกนี้และมีความสุขนิรันดร์ในโลกหน้า และใครก็ตามไม่เชื่อฟังและปฏิเสธพระองค์เขาก็จะได้รับความทุกข์ยากในโลกนี้และความทุกข์ทรมานที่นิรันดร์ในโลกหน้า
เพระเรารู้ว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะดำเนินชีวิตนี้ได้ หากไม่มีใครในพวกเราได้รับการตอบแทนจากสิ่งที่ได้กระทำไว้ทั้งความดีและความชั่ว แล้วไม่มีการลงโทษใดๆ แก่ผู้ที่อธรรม และไม่มีรางวัลใดๆ สำหรับผู้กระทำความดี?
พระเจ้าของเรา ทรงบอกเราว่า การได้รับความพอพระทัยและการรอดพ้นจากการลงโทษของพระองค์นั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ นอกจากด้วยการเข้าสู่ศาสนาอิสลามเท่านั้น และศาสนาอิสลามนั้นคือ การจำนนต่อพระองค์ การเคารพสักการะพระองค์เพียงผู้เดียวโดยไม่มีการตั้งภาคีใดๆ กับพระองค์ ยอมจำนนต่อพระองค์ด้วยการเชื่อฟัง และปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ ด้วยการยอมรับและด้วยความเต็มใจ และพระองค์ได้ทรงบอกเราว่าพระองค์จะไม่ทรงยอมรับศาสนาอื่นใดนอกจากศาสนาอิสลามเท่านั้น อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงตรัสว่า:(وَمَن يَبۡتَغِ غَيۡرَ ٱلۡإِسۡلَٰمِ دِينا فَلَن يُقۡبَلَ مِنۡهُ وَهُوَ فِي ٱلۡأٓخِرَةِ مِنَ ٱلۡخَٰسِرِينَ) "และผู้ใดแสวงหาศาสนาอื่นนอกเหนือจากอิสลาม ศาสนานั้นจะไม่ถูกรับจากเขา และในปรโลกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน"(ซูเราะฮ์ อาลาอิมรอน : 85)
ใครก็ตามที่มองสิ่งที่มนุษย์ส่วนใหญ่ทำการเคารพบูชาในปัจจุบัน เขาจะพบ ผู้ที่บูชามนุษย์ ผู้ที่บูชารูปเคารพ ผู้ที่บูชาดวงดาว และอื่นๆ มนุษย์ที่มีสติปัญญาจะไม่เคารพสักการะสิ่งใดๆ ยกเว้นพระเจ้าแห่งสากลโลกเท่านั้น ผู้ทรงมีคุณลักษณะที่สมบูรณ์ ดังนั้น แล้วเป็นไปได้อย่างไร ที่เขาจะเคารพสักการะสิ่งมีชีวิตเช่นเขา? หรือต่ำกว่าเขา! ผู้เป็นพระเจ้าต้องไม่เป็นมนุษย์ ไม่เป็นรูปเคารพ ไม่เป็นต้นไม้ หรือไม่เป็นสัตว์!
ทุกศาสนาที่มนุษย์นับถือบูชากันในปัจจุบันนี้ ยกเว้นศาสนาอิสลามเท่านั้น เป็นศาสนาที่อัลลอฮ์ไม่ยอมรับ เพราะศาสนาเหล่านี้เป็นศาสนาที่มนุษย์สร้างขึ้นมา หรือเคยเป็นศาสนาของพระเจ้าแล้วถูกบิดเบือนด้วยมือของมนุษย์ ส่วนศาสนาอิสลามเป็นศาสนาของพระเจ้าแห่งสากลโลก เป็นศาสนาที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงและไม่มีการบิดเบือน และคัมภีร์ของศาสนาอิสลามคือคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่ได้รับการรักษาไว้เสมือนตอนที่พระองค์ได้ประทานลงมา และเป็นคัมภีร์ที่ยังคงอยู่ในมือของมุสลิมจนปัจจุบัน ในภาษาที่ถูกประทานลงมาแก่ท่านศาสนทูตท่านสุดท้าย
และหลักการประการหนึ่งของศาสนาอิสลามคือ การศรัทธาต่อบรรดาศาสนทูตที่อัลลอฮ์ส่งมา และพวกเขาทั้งหมดเป็นมนุษย์ที่อัลลอฮ์ทรงสนับสนุนด้วยสัญญาณและปาฏิหาริย์ต่างๆ และส่งพวกเขาสู่การเรียกร้องให้สักการะพระองค์เพียงผู้เดียวโดยไม่มีภาคีใดๆ สำหรับพระองค์และศาสนทูตคนสุดท้ายคือศาสนทูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ซึ่งอัลลอฮ์ส่งมาพร้อมกับบทบัญญัติสุดท้ายของพระองค์และเป็นบทบัญญัติที่มายกเลิกบทบัญญัติของบรรดาศาสนทูตก่อนหน้านั้น และพระองค์ทรงสนับสนุนท่านด้วยสัญญาณต่างๆที่ยิ่งใหญ่ และสัญญาณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งเป็นพระวจนะของพระเจ้าแห่งสากลโลก เป็นคัมภีร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์รู้มา มีความอัศจรรย์ทั้งเนื้อหา ถ้อยคำ โครงสร้าง และข้อชี้ขาดต่างๆ ของมัน ในคัมภีร์อัลกุรอานมีการแนะนำสู่ความจริงที่นำไปสู่ความสุขทั้งในโลกนี้และวันอาคิเราะฮ์ เป็นคัมภีร์ที่ถูกประทานลงมาด้วยภาษาอาหรับ
และมีหลักฐานมากมาย ทั้งทางทางปัญญาและทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้อย่างไม่ต้องสงสัยว่าคัมภีร์อัลกุรอานนั้น เป็นพระวจนะของพระผู้สร้างอย่างแท้จริง และเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา
และส่วนหนึ่งจากหลักการของศาสนาอิสลามคือ การศรัทธาต่อบรรดามลาอิกะฮ์และศรัทธาต่อวันสุดท้ายโดยอัลลอฮ์จะทรงทำให้ผู้คนออกจากหลุมศพของพวกเขาในวันฟื้นคืนชีพ เพื่อทำการสอบสวนพวกเขาต่อการกระทำของพวกเขา ใครก็ตามที่ทำความดีโดยเขาเป็นผู้ศรัทธาเขาจะมีความสุขชั่วนิรันดร์ในสวรรค์ และผู้ใดปฏิเสธศรัทธาและกระทำความชั่ว เขาจะได้รับการลงโทษอย่างสาหัสในนรก และหลักการของศาสนาอิสลามอีกประการหนึ่งคือ การศรัทธาต่อสิ่งที่อัลลอฮ์ได้กำหนดไว้สำหรับเขาทั้งดีและไม่ดี
ศาสนาอิสลามเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตที่ครอบคลุม สอดคล้องกับธรรมชาติของชีวิตและสามัญสำนึก และเป็นที่ยอมรับของจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ เป็นศาสนาที่บัญญัติโดยพระผู้สร้างผู้ยิ่งใหญ่เพื่อบ่าวของพระองค์ และเป็นศาสนาแห่งความดีและความสุขสำหรับมวลมนุษยชาติทั้งในโลกนี้และชีวิตหลังความตาย เป็นศาสนาที่ไม่ทำให้ชนกลุ่มหนึ่งเหนืออีกกลุ่มหนึ่ง หรือสีผิวหนึ่งเหนือสีผิวหนึ่ง และมนุษย์ทุกคนภายใต้ศาสนานี้มีความเท่าเทียมกัน ไม่มีใครในศาสนาอิสลามจะโดดเด่นเหนือผู้อื่น ยกเว้นภายใต้กรอบแห่งการกระทำคุณงามความดีของเขาเท่านั้น
อัลลอฮ์ ตะอาลา ตรัสว่า:(مَنۡ عَمِلَ صَٰلِحا مِّن ذَكَرٍ أَوۡ أُنثَىٰ وَهُوَ مُؤۡمِن فَلَنُحۡيِيَنَّهُۥ حَيَوٰة طَيِّبَة وَلَنَجۡزِيَنَّهُمۡ أَجۡرَهُم بِأَحۡسَنِ مَا كَانُواْ يَعۡمَلُونَ) "ผู้ใดกระทำความดีไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง โดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธา ดังนั้นเราจะให้เขามีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน และเราจะตอบแทนพวกเขาด้วยรางวัลที่ดียิ่งกว่าสิ่งที่พวกเขาได้เคยกระทำไว้"(ซูเราะฮ์ อันนะห์ลุ : 97)
และสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงเน้นย้ำในอัลกุรอานคือ การศรัทธาต่ออัลลอฮ์ว่าพระองค์คือพระผู้อภิบาล และเป็นพระเจ้าที่ควรได้รับการเคารพสักการะ และศรัทธาว่าอิสลามคือศาสนา และมูฮัมมัดเป็นศาสนทูต และการเข้าสู่การนับถือศาสนาอิสลามนั้น ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่มนุษย์ไม่สามารถที่จะปฎิเสธได้ และในวันกิยามะฮ์จะมีการสอบสวนและการตอบแทน ใครก็ตามที่เป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง เขาจะได้รับชัยชนะและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ และใครก็ตามที่ปฏิเสธศรัทธา เขาจะต้องประสบกับความขาดทุนอย่างชัดเจน
อัลลอฮ์ ตะอาลา ตรัสว่า:(... وَمَن يُطِعِ ٱللَّهَ وَرَسُولَهُۥ يُدۡخِلۡهُ جَنَّٰت تَجۡرِي مِن تَحۡتِهَا ٱلۡأَنۡهَٰرُ خَٰلِدِينَ فِيهَاۚ وَذَٰلِكَ ٱلۡفَوۡزُ ٱلۡعَظِيمُ، "... และผู้ใดเชื่อฟังอัลลอฮ์และเราะซูลของพระองค์แล้ว พระองค์จะทรงให้เขาเข้าสวนสวรรค์อันหลากหลายที่มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านอยู่เบื้องล่างของมัน โดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในสวนสวรรค์เหล่านั้นตลอดกาล และนั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่*وَمَن يَعۡصِ ٱللَّهَ وَرَسُولَهُۥ وَيَتَعَدَّ حُدُودَهُۥ يُدۡخِلۡهُ نَارًا خَٰلِدا فِيهَا وَلَهُۥ عَذَاب مُّهِين) และผู้ใดฝ่าฝืนอัลลอฮ์และเราะซูลของพระองค์ และละเมิดขอบเขตของพระองค์ พระองค์จะทรงให้เขาเข้านรก โดยที่เขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล และเขาจะได้รับการลงโทษอันอัปยศ"(ซูเราะฮ์ อันนิสาอ์ : 13-14)
ใครก็ตามที่ต้องการเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม ก็จงกล่าวว่า: (อัชฮะดู อัลลา อิลาฮะ อิลลัลลอฮุ วะอัชฮะดู อันนะ มุฮัมมะดัรเราะซูลุลลอฮ์) "ฉันขอปฏิญานว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรแก่การเคารพภักดีอย่างแท้จริงนอกจากอัลลอฮ์ และฉันขอปฏิญานว่ามุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮ์" โดยรู้ความหมายของมันและศรัทธาต่อมัน และด้วยการกล่าวคำปฏิญาณนี้เขากลายเป็นมุสลิมแล้ว จากนั้นเขาก็ศึกษาบทบัญญัติต่างๆ ของศาสนาอิสลามทีละเล็กทีละน้อย เพื่อเขาจะได้ปฏิบัติในสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงบัญชาให้เขากระทำ