การทำร้ายร่างกายไม่ถึงชีวิต
บทความนี้ถูกแปลเป็นภาษา
หมวดหมู่
Full Description
การทำร้ายร่างกายที่ไม่ถึงขั้นทำให้เสียชีวิต
﴿الجناية على ما دون النفس﴾
] ไทย – Thai – تايلاندي [
มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม อัตตุวัยญิรีย์
แปลโดย : รุสดี การีสา
ผู้ตรวจทาน : ซุฟอัม อุษมาน
ที่มา : หนังสือมุคตะศ็อร อัลฟิกฮิล อิสลามีย์
2010 - 1431
﴿الجناية على ما دون النفس﴾
« باللغة التايلاندية »
الشيخ محمد بن إبراهيم التويجري
ترجمة: رشدي كاريسا
مراجعة: صافي عثمان
مصدر: كتاب مختصر الفقه الإسلامي
2010 - 1431
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
การทำร้ายร่างกายที่ไม่ถึงขั้นทำให้เสียชีวิต
การทำร้ายร่างกายที่ไม่ถึงขั้นทำให้เสียชีวิต คือ การทำร้ายส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายมนุษย์ที่กระทำโดยผู้อื่น ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่ได้นำไปสู่การเสียชีวิต
การทำร้ายส่วนต่างๆ ในร่างกายให้เกิดบาดแผลหรือขาดวิ่น
หากเป็นการจงใจกระทำให้ลงโทษด้วยการกิศอศ และหากกรณีที่ไม่ได้มีเจตนาหรือกรณีกึ่งเจตนาให้ลงโทษด้วยการจ่ายดิยะฮฺ
· จำพวกของคนที่ต้องโทษกิศอศในกรณีทำร้ายร่างกาย ก็คือคนจำพวกเดียวกันกับผู้ที่ต้องโทษกิศอศในกรณีฆ่าผู้อื่น ถ้าไม่อยู่จำพวกดังกล่าวก็ไม่ต้องกิศอศ ดังที่ได้อธิบายมาแล้ว ดังนั้น มูลเหตุที่ทำให้ต้องโทษกิศอศในกรณีทำร้ายร่างกายก็คือมูลเหตุเดียวกันที่ทำให้ต้องโทษกิศอศในกรณีของการฆ่าผู้อื่น ซึ่งมีเงื่อนไขเดียวกันและเหมือนกัน นั่นคือ การเจตนากระทำ ดังนั้น จึงไม่มีการกิศอศถ้าหากทำไปโดยไม่เจตนาหรือกึ่งเจตนา แต่ให้ลงโทษด้วยการจ่ายดิยะฮฺแทน
การกิศอศในกรณีที่เจตนาทำร้ายร่างกายมีสองรูปแบบ
รูปแบบที่หนึ่ง อัล-อัฏรอฟ คือ ทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายให้เสียหาย อาทิ การทำร้ายดวงตา จมูก หู ฟัน ปาก แก้ม มือ เท้า นิ้วมือนิ้วเท้า ข้อมือ อวัยวะเพศ เป็นต้น การกิศอศในกรณีนี้ผู้กระทำจะถูกลงโทษด้วยรูปแบบที่เหมือนกับการกระทำของเขาต่อเหยื่อทุกประการ คือ ถ้าทำให้ตาของจำเลยบอด ก็ต้องลงโทษด้วยการชดใช้ทำให้ตายของโจทก์บอดด้วย เป็นต้น
อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
(ﮮ ﮯ ﮰ ﮱ ﯓ ﯔ ﯕ ﯖ ﯗ ﯘ ﯙ ﯚ ﯛ ﯜ ﯝ ﯞ ﯟ ﯠ ﯡ ﯢ ﯣ ﯤ ﯥ ﯦ ﯧ ﯨ ﯩ ﯪ ﯫ ﯬ ﯭ ﯮ ﯯ ﯰ) [المائدة / 45 ].
ความว่า : “และเราได้บัญญัติแก่พวกเขาไว้ในคัมภีร์นั้นว่า ชีวิตต้องใช้ด้วยชีวิต และ ตาด้วยตา และจมูกด้วยจมูก และหูด้วยหู และฟันด้วยฟัน และบรรดาบาดแผลก็ให้มีการชดเชยเยี่ยงเดียวกัน และผู้ใดให้การชดเชยนั้นเป็นทาน มันก็เป็นสิ่งลบล้างบาปของเขา และผู้ใดมิได้ตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมาแล้ว ชนเหล่านี้แหละคือ ผู้อธรรม” (อัล-มาอิดะฮฺ 45)
เงื่อนไขการกิศอศกรณีทำให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเสียหาย
การกิศอศจะถูกกำหนดขึ้นโดยมีเงื่อนไขว่า เหยื่อผู้ถูกกระทำนั้นไม่ได้มีความผิดใดๆ และเป็นผู้ที่อยู่ในศาสนาเดียวกันกับผู้กระทำ ดังนั้นการกิศอศจะไม่กำหนดหากผู้กระทำเป็นมุสลิมในขณะที่ผู้ถูกกระทำนั้นเป็นกาฟิร และผู้กระทำนั้นต้องบรรลุวัยตามศาสนบัญญัติ และผู้ถูกกระทำนั้นไม่ใช้บุตรของผู้กระทำ และเป็นการกระทำที่เจตนา(จงใจ) ดังนั้นเมื่อใดที่ครบตามเงื่อนไขที่ระบุนี้การกิศอศก็จำเป็นต้องถูกดำเนินการให้ลุล่วง และให้ดำเนินการหากตรงตามเงื่อนไขที่จะกล่าวต่อไปนี้
เงื่อนไขการดำเนินการกิศอศกรณีทำให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเสียหาย
1. ไม่มีการกระทบกับส่วนอื่นๆ ในภายหลัง คือให้ตัดจากส่วนที่เป็นข้อต่อของร่างกาย หรือจุดสิ้นสุดของอวัยวะ
2. มีความเหมือนทั้งในเรื่องของชื่อและจุดที่จะกระทำ อาทิ ตากับตา ดังนั้นห้ามทำการกิศอศตาข้างซ้ายด้วยตาข้างขวา หรือตาที่บอดกับตาที่มองเห็น เป็นต้น
3. มีสภาพและความสมบูรณ์เหมือนกันและเท่ากัน ดังนั้นห้ามทำการกิศอศมือหรือเท้าที่สมบูรณ์เนื่องจากการทำร้ายมือหรือเท้าที่เป็นอัมพาต เช่นเดียวกับที่ต้องไม่เอากิศอศดวงตาที่สมบูรณ์เพระการทำร้ายดวงตาที่บอด แต่อนุญาตให้ทำการกิศอศกลับกันได้ (คือ การกิศอศอวัยวะที่เป็นอัมพาตของผู้ร้ายเนื่องจากการที่เขาทำให้ทำร้ายอวัยวะที่สมบูรณ์ของเหยื่อ) และไม่ต้องจ่าย อัรชฺ (ค่าชดเชยส่วนที่เหลือเพราะความสมบูรณ์ที่ต่างกันของอวัยวะนั้นๆ) แต่อย่างใด
กรณีที่เงื่อนไขเหล่านี้มีครบถ้วน ก็อนุญาตให้ดำเนินการกิศอศได้ และหากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขให้เปลี่ยนจากการกิศอศเป็นการจ่าย ดิยะฮฺ
รูปแบบที่สอง อัล-ญุรูหฺ หรือ กรณีที่ทำให้เกิดบาดแผลบนร่างกาย ซึ่งหากการกระทำดังกล่าวเป็นการเจตนา ให้ลงโทษด้วยการกิศอศ
เงื่อนไขการกิศอศกรณีสร้างรอยแผล
ไม่มีความแตกต่างจากเงื่อนไขกรณีกระทำการฆ่า พร้อมกับเงื่อนไขที่ว่าต้องสามารถที่จะดำเนินการกิศอศได้โดยไม่มีผลกระทบกับส่วนอื่นๆ บนร่างกายหรือเกินจากส่วนที่ถูกทำร้าย โดยที่บาดแผลนั้นต้องมีจุดที่สิ้นสุดถึงกระดูก เช่นกรณีที่เป็นบาดแผลแบบ อัล-มูฎิหะฮฺ บาดแผลที่ฉีกขาดถึงกระดูกและมองเห็นกระดูกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของร่างกาย อาทิ ที่ศีรษะ ต้นขา หน้าแข็ง เป็นต้น
กรณีที่ไม่สามารถกระทำการกิศอศไม่ให้กระทบส่วนอื่นๆ และไม่ล้ำขอบเขตที่กำหนดได้ การกิศอศให้ถือเป็นโมฆะ และให้ทำการจ่ายดิยะฮฺแทน
ส่งเสริมให้มีการให้อภัยจากการกิศอศกรณีทำร้ายส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายหรือการสร้างบาดแผลบนร่างกายโดยเปลี่ยนเป็นการจ่าย ดิยะฮฺแทน และเป็นการดียิ่งกว่าหากมีการอภัยให้ทั้งหมด(ทั้งการกิศอศและการจ่ายดิยะฮฺ) และผู้ใดที่ให้อภัยในเรื่องที่กล่าวมานี้ แท้จริงเขาจะได้รับผลบุญจากอัลลอฮฺ และเป็นการส่งเสริมให้มีการร้องขอต่อผู้ที่มีสิทธิในการให้อภัยดังกล่าว
عن أنس بن مالك رضي الله عنه قال: مَا رُفِعَ إلَى رَسُولِ الله صلى الله عليه وسلم شَيْءٌ فِيْـهِ القِصَاصُ، إلا أَمَـرَ فِيْـهِ بِالعَفْوِ. أخرجه أبو داود وابن ماجه.
ความว่า: ท่านอะนัส บิน มาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า “ไม่มีเรื่องใดที่ถูกฟ้องไปถึงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เกี่ยวกับการกิศอศนอกเสียจากท่านจะสั่งให้มีการอภัยโทษ” (บันทึกโดย อบู ดาวูด หมายเลข 4497 และอิบนุ มาญะฮฺ หมายเลข 2692 สำนวนนี้เป็นของท่าน)
ผลกระทบที่เกิดจากการทำร้าย
1. ผลกระทบที่เกิดจากการถูกทำร้ายนั้น อยู่บนหลักประกันของการกิศอศหรือการจ่ายดิยะฮฺ ทั้งกรณีการฆ่าและกรณีที่นอกเหนือจากการฆ่า ดังนั้น หากการตัดนิ้วใดนิ้วก่อผลกระทบทำให้เกิดเชื้อระบาดไปยังข้อมือจนข้อมือขาด เช่นนี้แล้วจำเป็นจะต้องทำการลงโทษด้วยการตัดมือของอาชญากร และหากเกิดเชื้อระบาดจนกระทั่งก่อให้เกิดการเสียชีวิตจำเป็นต้องลงโทษด้วยการกิศอศ(ประหารให้ตายตาม)
2. ผู้กระทำผิด(นักโทษ)ที่เสียชีวิตเนื่องจากการถูกลงโทษในรูปแบบของการหัดด์ (โทษอาญาโดยปกติ) อาทิ การเฆี่ยน การตัดมือจากการขโมย เป็นต้น หรือจากการถูกกิศอศกรณีทำร้ายร่างกาย ดังนั้น การจ่ายสินไหมให้กับคนเหล่านี้ให้ตกเป็นความรับผิดชอบของทรัพย์สินส่วนกลาง
3. ห้ามไม่ให้ทำการกิศอศกรณีทำร้ายร่างกาย จนกว่าบาดแผลหรือส่วนที่ถูกตัดของเหยื่อผู้ถูกกระทำจะหายสนิท เนื่องจากอาจจะเกิดมีการติดเชื้อหรือบาดแผลระบาดไปยังส่วนอื่นๆของร่างกาย เช่นเดียวกันนี้จะไม่มีการจ่ายสินไหมให้กับผู้ถูกกระทำจนกว่าส่วนที่ถูกกระทำนั้นจะหายสนิท เพื่อรอดูว่าอาจเกิดการระบาดไปถึงส่วนอื่นๆ ของร่างกายหรือไม่
4. เมื่อตัดนิ้วจนขาดโดยเจตนา แล้วเหยื่อก็ให้อภัยต่อผู้ทำร้าย แต่เกิดอาการระบาดของเชื้อลามไปสู่มือหรือเป็นเหตุทำให้เสียชีวิต ในขณะที่การยกโทษดังกล่าวนั้นไม่ได้ระบุเงื่อนไขว่าต้องจ่ายค่าทดแทนใดๆ จำเลยก็จะไม่ถูกลงโทษและไม่ต้องจ่ายดิยะฮฺใดๆ ทั้งสิ้น แต่ถ้าหากระบุเงื่อนไขการยกโทษว่าต้องจ่ายค่าทดแทนใดๆ จำเลยก็จำเป็นต้องจ่ายดิยะฮฺให้สมบูรณ์
ความยุติธรรมในการรักษาสิทธิ
ผู้ใดกระทำการทุบตีผู้อื่นด้วยมือของเขา หรือด้วยไม้เท้า หรือด้วยแส้ หรือด้วยการชก การกิศอศก็จะถูกดำเนินการต่อผู้กระทำเสมือนกับที่เขากระทำ เขาจะถูกกระทำเสมือนกับที่เขากระทำผู้อื่น ดังนั้นเขาจะถูกชกเหมือนกับที่เขาชก ถูกตีเหมือนกับที่เขาตีตรงส่วนที่ถูกเขาตี ด้วยเครื่องมือที่เขาใช้ในการทุบตี หรือเป็นแบบเดียวกัน นอกเหนือจากผู้ถูกกระทำจะให้การอภัย
หุก่มผู้ที่แอบมองที่ส่วนตัวของผู้อื่น
ผู้ใดที่แอบมองเข้าไปยังบ้านของผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาต จากนั้นเขาถูกเจ้าของบ้านทิ่มแทงดวงตาทำให้บอด ดังนั้นผู้กระทำไม่จำเป็นจะต้องจ่ายดิยะฮฺ หรือไม่ถูกทำโทษด้วยการกิศอศแต่อย่างใด
عن أبي هريرة رضي الله عنه قال: قال أبو القاسم صلى الله عليه وسلم: «لَوْ أَنَّ امْرَءاً اطَّلَعَ عَلَيْكَ بِغَيْرِ إذْنٍ فَخَذَفْتَـهُ بِحَصَاةٍ فَفَقَأتَ عَيْنَـهُ لَـمْ يَكُـنْ عَلَيْكَ جُنَاحٌ». متفق عليه.
ความว่า รายงานจากท่าน อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า “หากมีผู้หนึ่งได้ทำการแอบมองไปยังเจ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วเจ้าก็ทำการขว้างก้อนหินใส่เขา แล้วถูกดวงตาของเขา แท้จริงเจ้าจะไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น” (บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ 6902 สำนวนนี้เป็นของท่าน และมุสลิม หมายเลข 2158)
หุก่มการถ่ายเลือดให้ผู้อื่น
การถ่ายเลือดจากผู้หนึ่งไปยังอีกผู้หนึ่งถือเป็นการอนุมัติ ในกรณีที่มีความจำเป็น และไม่มีสิ่งอื่นที่อนุมัติมาทดแทนในส่วนนี้ได้ ซึ่งต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีความเชื่อสูงว่าการกระทำดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ และผู้ให้ได้ยินยอมสมัครใจพร้อมกับไม่มีผลกระทบใดๆ กับเขา จึงถือว่าเป็นการอนุญาตให้กระทำได้เท่าที่ผู้ป่วยมีความจำเป็นเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น
· อนุญาตให้ทำการรวบรวมเลือด(เก็บไว้ที่ธนาคารเลือด) เพื่อเผื่อไว้ในกรณีเกิดเหตุจำเป็นและฉุกเฉิน อาทิ กรณีเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน กรณีการคลอดบุตร และกรณีอื่นๆ ที่มีการเสียเลือดมาก