×
บทความแนะนำเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของศาสนาอิสลามประกอบด้วยหัวข้อ กฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติในการสรรสร้าง กฎเกณฑ์แห่งบทบัญญัติ ความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่มีต่อมวลมนุษยชาติ ความโปรดปรานที่ยิ่งใหญ่ ศาสนาอิสลามจะถูกเผยแผ่ไปทั่ว ตราบใดที่ยังมีกลางคืนและกลางวัน หลังจากนั้นจะกลับมาอย่างคนแปลกหน้าเสมือนที่เริ่มต้น เส้นทางสู่....ความสำเร็จและชัยชนะ จากหนังสือมุคตะศ็อร อัลฟิกฮิล อิสลามีย์

    ความสมบูรณ์ของศาสนาอิสลาม

    [ ไทย ]

    كمال دين الإسلام

    [ باللغة التايلاندية ]

    มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม บิน อับดุลลอฮฺ อัต-ตุวัยญิรีย์

    محمد بن إبراهيم بن عبدالله التويجري

    แปลโดย: ยูซุฟ อบูบักรฺ

    ترجمة: يوسف أبوبكر

    ตรวจทาน: อุษมาน อิดรีส

    مراجعة: عثمان إدريس

    จากหนังสือ: มุคตะศ็อร อัล-ฟิกฮฺ อัล-อิสลามีย์

    المصدر: كتاب مختصر الفقه الإسلامي

    สำนักงานความร่วมมือเพื่อการเผยแพร่และสอนอิสลาม อัร-ร็อบวะฮฺ กรุงริยาด

    المكتب التعاوني للدعوة وتوعية الجاليات بالربوة بمدينة الرياض

    1429 – 2008

    ความสมบูรณ์ของศาสนาอิสลาม

    กฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติในการสรรสร้าง

    อิสลามเป็นศาสนาที่มีความสมบูรณ์ เพียบพร้อม ซึ่งอัลลอฮฺได้คัดสรรมาให้เป็นของกำนัลแก่มวลมนุษยชาติ อิสลามเท่านั้นที่จะทำให้มนุษย์บรรลุความผาสุกทั้งโลกดุนยาและอาคิเราะฮฺ ดังนั้นการที่อัลลอฮฺได้สร้างโลกใบนี้และได้ทำให้ทุกสิ่งที่ถูกสรรสร้างขึ้นในโลกต้องมีกฎเกณฑ์ธรรมชาติ ดำเนินเคลื่อนไหวไปตามแนวทางของมัน และด้วยธรรมชาติของมันจะช่วยให้เขาบรรลุความต้องการของอัลลอฮฺ ดังนั้นทุกสรรพสิ่งจะมีกฎเกณฑ์ตายตัวไม่ถูกเปลี่ยนแปลง นอกจากด้วยการอนุมัติของอัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียว ดั่งที่อัลลอฮฺตรัสไว้

    ﮋ ﯽ ﯾ ﯿ ﰀ ﰁ ﰂ ﰃﰄ ﰅ ﰆ ﰇ ﰈ ﰉ ﰊ ﮊ الفتح: ٢٣

    ความว่า “ นั่นคือแนวทางของอัลลอฮฺแก่บรรดาผู้ที่ล่วงลับไปแล้วแต่ก่อนกาล และเจ้าจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในแนวทางของอัลลอฮฺ" (อัลฟัตฮฺ 48 :23 )

    ดังนั้นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ กลางคืน กลางวัน พืชพรรณธัญญาหาร สัตว์ อากาศธาตุ น้ำ ดวงดาว ทะเล ภูเขา ล้วนแล้วแต่มีกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติของมัน ดั่งอัลลอฮฺตรัสว่า

    ﮋ ﯴ ﯵ ﯶ ﯷ ﯸ ﯹ ﯺ ﯻ ﯼ ﯽ ﯾﯿ ﰀ ﰁ ﰂ ﰃ ﰄ ﮊ يس: ٤٠

    ความว่า “ดวงอาทิตย์ก็ไม่สมควร(อนุมัติ)แก่มันที่จะไล่ตามใกล้ดวงจันทร์ และกลางคืนก็จะไม่ล้ำหน้ากลางวัน และทั่งหมดนั้นจะหมุนเวียนอยู่ในจักราศี " (ยาซีน 36 : 40 )

    กฎเกณฑ์แห่งบทบัญญัติ

    มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาสิ่งที่ถูกอัลลอฮฺสร้าง ดังนั้น จำเป็นที่เราต้องมีกฎเกณฑ์ ในการดำเนินชีวิตในทุกๆ อิริยบทของการเคลื่อนไหวเพื่อที่เขาจะได้รับความสุขทั้งดุนยาและอาคิเราะฮฺ และกฎเกณฑ์นี้คือ ศาสนาที่พระองค์อัลลอฮฺได้คัดสรรและพอพระทัยมอบให้แก่เขา พระองค์จะไม่ตอบรับศาสนาอื่นใดนอกจากนี้ ดังนั้นความสุขหรือความทุกข์ขึ้นอยู่กับการยึดมั่นหรือการผินหลังให้ของเขา เขาเป็นผู้กำหนดด้วยตัวเองว่าจะเป็นผู้ตอบรับหรือเป็นผู้ปฏิเสธ

    1. อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﮋ ﭲ ﭳ ﭴ ﭵﭶ ﭷ ﭸ ﭹ ﭺ ﭻ ﭼﭽﮊ الكهف: ٢٩

    ความว่า “ดังนั้นผู้ใดประสงค์ก็จงศรัทธา และผู้ใดประสงค์ก็จงปฏิเสธ" (อัลกะฮฺฟี 18 : 29)

    2. อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﮋ ﭑ ﭒ ﭓ ﭔﭕ ﭖ ﭗ ﭘ ﭙ ﭚ ﭛ ﭜ ﭝ ﭞ ﭟ ﭠ ﭡ ﭢ ﭣ ﭤ ﭥ ﭦ ﭧ ﭨ ﭩ ﭪﭫ ﭬ ﭭ ﭮ ﭯ ﮊ البقرة: ٣٨ - ٣٩

    ความว่า “ผู้ใดที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของข้า ก็ไม่มีความกลัวใดๆ แก่พวกเขา และทั้งพวกเขาก็จะไม่เสียใจ และบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา และไม่เชื่อบรรดาโองการของเรานั้น ชนเหล่านี้คือชาวนรกโดยที่พวกเขาอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล" (อัลบากอเราะฮฺ 2 :38-39)

    ความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่มีต่อมวลมนุษยชาติ

    เมื่ออัลลอฮ์ได้สร้างมนุษย์ขึ้นมา พระองค์ได้นำสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดินออกมาให้แก่เขา ได้ประทานคัมภีร์ รอซูลให้แก่เขา และได้จัดเตรียมเครื่องมือในการสัมผัสเรียนรู้แก่เขา เช่น การได้ยิน การมองเห็น การมีสติปัญญา และการยกย่องให้เขามีเกียรติด้วยการเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺแต่เพียงพระองค์เดียว โดยไม่มีภาคีและหุ้นส่วน

    1. อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﮋ ﭑ ﭒ ﭓ ﭔ ﭕ ﭖ ﭗ ﭘ ﭙ ﭚ ﭛ ﭜﮊ لقمان: ٢٠

    ความว่า “พวกเจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮฺได้อำนวยความสะดวกให้แก่พวกเจ้า สิ่งที่มีอยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและสิ่งที่มีอยู่ในผืนแผ่นดิน" (ลุกมาน 31 : 20)

    2. อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﮋ ﯤ ﯥ ﯦ ﯧ ﯨ ﯩ ﯪ ﯫ ﯬ ﯭ ﯮ ﯯ ﯰﯱ ﯲ ﯳ ﯴ ﮊ النحل: ٧٨

    ความว่า “และอัลลอฮฺได้ให้พวกเจ้าออกจากครรภ์มารดาของพวกเจ้า โดยพวกเจ้าไม่รู้อะไรเลย และพระองค์ได้ทำให้พวกเจ้าได้ยิน ได้เห็น และมีหัวใจ (สำหรับนึกคิด) เพื่อพวกเจ้าจะได้ขอบคุณ" (อันนะหฺล 16 : 78)

    3. อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﮋ ﮀ ﮁ ﮂ ﮃ ﮄ ﮅ ﮆ ﮇ ﮈﮉ ﮊ النحل: ٣٦

    ความว่า “ดังนั้นในกลุ่มพวกเขามีผู้ที่อัลลอฮฺได้ชี้แนะทางให้และในกลุ่มพวกเขามีผู้ที่การหลงผิดคู่ควรแก่เขา" (อันนะหฺล 16 : 36)

    ความโปรดปรานที่ยิ่งใหญ่

    อัลลอฮฺได้ประทานความโปรดปรานให้แก่ปวงบ่าวของพระองค์ เป็นจำนวนมหาศาลเหลือคณานับ สุดยอดของความโปรดปราน คือ เนี๊ยะมะตุลอีญาด...(ความโปรดปรานในการให้บังเกิด) เนี๊ยะมะตุลอิมดาด...(ความโปรดปรานให้ความช่วยเหลือ) และเนี๊ยะมะตุลฮิดายะฮ์...(ความโปรดปรานให้ทางนำ)

    ที่ยิ่งใหญ่และสุดยอดของความโปรดปราน คือ เนี๊ยะมะตุลอิสลาม...ซึ่งอัลลอฮฺได้ส่งนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม มายังมวลมนุษยชาติทั้งหมด และอิสลามเป็นศาสนาที่สมบูรณ์ เพียบพร้อม อมตะนิรันดร์กาล ครอบคลุมทุกอิริยาบทในการดำเนินชีวิตของมนุษย์

    · จัดระบบการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าผู้สร้าง โดยการเคารพภักดี การให้เอกภาพ การขอบคุณ ทุกกิจการงานมุ่งตรงไปยังพระองค์ การเกรงกลัว การมอบหมาย การรู้สึกต่ำต้อย การรัก การใกล้ชิด การขอความช่วยเหลือ การแสวงหาความพอพระทัยต่ออัลลอฮฺ และแนวทางที่ก้าวไปสู่สวนสวรรค์ของพระองค์ และวิธีการที่จะช่วยให้เขารอดพ้นจากความกริ้วโกรธและการลงโทษของพระองค์อัลลอฮฺ

    · จัดระบบการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับท่าน รอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม โดยการเชื่อฟัง รักใคร่ ปฏิบัติตามซุนนะฮ์ของท่าน ในสิ่งที่ท่านได้นำมาและปฏิบัติตาม ไม่เคารพภักดีต่ออัลลอฮุนอกจากสิ่งที่พระองค์ได้บัญญัติ

    · จัดระบบการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับบุคคลอื่น เช่น มารดา บิดา ภรรยา ลูกๆ เครือญาติ เพื่อนบ้าน ผู้รู้ คนเขลา มุสลิม กาฟิร ผู้พิพากษาและผู้ถูกพิพากษา และบุคคลอื่นๆ ที่อยู่ร่วมกันในสังคม

    · จัดระบบให้แก่มนุษย์ในการทำธุรกรรมทางการเงินเพื่อแสวงหาปัจจัยยังชีพที่ศาสนาอนุมัติ หลีกห่างจากการคดโกง ยืดหยุ่นในการซื้อการขาย ใช้จ่ายในหนทางแห่งความดีงาม ซื่อสัตย์สุจริต ออกห่างจากระบบดอกเบี้ย การโกหก รู้วิธีการแจกจ่ายศอดาเกาะฮฺ การจัดแบ่งทรัพย์สินมรดกและอื่นๆ

    · อิสลามจัดระบบในการดำเนินชีวิตคู่สามีภรรยา อบรมเลี้ยงดูบุตร ปกป้องครอบครัวให้รอดพ้นจากความเสื่อมเสีย และจัดระบบในการดำเนินชีวิตระหว่างผู้ชาย ผู้หญิง ทั้งในสภาวะที่มีความสุขหรือในสภาวะคับขัน ในยามที่ร่ำรวยหรือยากจน ในช่วงที่มีสุขภาพดีหรือในยามที่ป่วยไข้ ในเวลาที่มีความปลอดภัยหรือในช่วงเวลาที่มีความหวาดกลัว และช่วงที่อยู่บ้านหรือในช่วงที่เดินทาง

    · อิสลามจัดระบบในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับเรื่องอื่นๆ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานอันเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นการรักกันเพื่ออัลลอฮฺ การเกลียดชังเพื่ออัลลอฮฺ เรียกร้องสู่การมีจรรยามารยาทและบุคลิกภาพอันดีงาม เช่น การมีจิตกุศล เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความละอาย การรักนวลสงวนตน ซื่อสัตย์สุจริต มีความยุติธรรม หยิบยื่นแบ่งปัน มีความเมตตาอาทร ฯลฯ

    · อิสลามห้ามปรามทุกสิ่งที่เป็นสื่อนำไปสู่ความชั่วร้าย เสื่อมเสีย การอธรรม กดขี่ ข่มเหง เช่น การตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ การฆ่าผู้อื่นโดยไม่ใช่สิทธิ การทำซีนา การโกหก การแสดงความโอหังจองหอง การกลับกลอก การลักขโมย การนินทาว่าร้าย การละเมิดทรัพย์สินของผู้อื่นโดยมิชอบ ดอกเบี้ย เสพของมึนเมา เชื่อเรื่องไสยศาสตร์และการโอ้อวด ฯลฯ

    · หลังจากนั้นอิสลามได้จัดระบบชีวิตของมนุษย์ในโลกอาคิเราะฮฺ เพราะชีวิตในโลกอาคิเราะฮฺมีพื้นฐานเกี่ยวโยงกับการดำเนินชีวิตในโลกดุนยา ดังนั้นผู้ใดเดินทางไปสู่โลกอาคิเราะฮฺด้วยอีหม่านที่เข้มแข็งและประกอบการงานที่ดี สวนสวรรค์ชั้นบรมสุขคือรางวัลของเขา เปี่ยมสุขด้วยการได้ยลพระพักตร์ของอัลลอฮฺ ดื่มด่ำความสุขในสวนสวรรค์ด้วยสิ่งที่จักษุไม่เคยประสบพบเห็น โสตประสาทไม่เคยได้ยิน และสิ่งที่หัวใจของมนุษย์ไม่เคยมโนภาพหรือจินตนาการได้ถึง อยู่ในนั้นอย่างจีรังยั่งยืนตลอดกาล ส่วนผู้ที่ก้าวมาสู่โลกนี้ด้วยการปฏิเสธ ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ ผลตอบแทนของเขาคือ ไฟนรกที่จะเผาผลาญตัวเขาให้หมกไหม้ ผู้ปฏิเสธต้องจมปลักอยู่ในนั้นตลอดกาล ผู้ฝ่าฝืนจะถูกจองจำพันธนาการด้วยการลงโทษนานัปการ ตามปริมาณความผิดของเขา หรือไม่พระองค์อัลลอฮฺก็จะอภัยโทษให้แก่เขา

    1. อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﮋ ﭻ ﭼ ﭽ ﭾ ﭿ ﮀ ﮁ ﮂ ﮃ ﮄ ﮅﮆ ﮊ المائدة: ٣

    ความว่า “วันนี้ข้าได้ให้ความสมบรูณ์เเก่พวกเจ้าเเล้วซึ่งศาสนาของพวกเจ้าเเละข้าได้ให้ครบถ้วนเเก่พวกเจ้าเเล้ว ซึ่งความกรุณาเมตตาของข้าเเละข้าได้เลือกอิสลามให้เป็นศาสนาของพวกเจ้าเเล้ว" (อัลมาอิดะฮฺ 5 : 3)

    2. อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﮋ ﯣ ﯤ ﯥ ﯦ ﯧ ﯨ ﯩ ﯪ ﯫ ﯬ ﯭ ﯮ ﯯ ﯰ ﯱ ﯲ ﯳ ﯴ ﯵ ﯶ ﯷ ﯸ ﯹ ﯺ ﯻ ﯼ ﮊ آل عمران: ١٦٤

    ความว่า “เเน่นอนยิ่ง อัลลอฮฺนั้นทรงมีคุณเเก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย โดยที่พระองค์ได้ส่งรอซูลคนหนึ่ง จากพวกเขาเองมาในหมู่พวกเขาโดยที่เขาจะได้อ่านบรรดาโองการของพระองค์ให้พวกเขาฟัง เเละจะทำให้พวกเขาสะอาดเเละจะสอนคัมภีร์ เเละความรู้เกี่ยวกับข้อปฏิบัติในบัญญัติศาสนาเเก่พวกเขาด้วย เเละเเท้จริงเมื่อก่อนนั้นพวกเขาเคยอยู่ในความหลงผิดอันชัดเเจ้ง" (อาละอิมรอน 3 : 164)

    3. อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﮋ ﭬ ﭭ ﭮ ﭯ ﭰ ﭱ ﭲ ﭳ ﭴ ﭵ ﭶ ﭷ ﭸ ﭹ ﭺ ﭻﭼ ﭽ ﭾ ﭿ ﮀ ﮁ ﮂ ﮃ ﮄ ﮅ ﮆ ﮇ ﮈ ﮉ ﮊ ﮋ ﮌ ﮍ ﮎ ﮏ ﮐ ﮑ ﮒ ﮓ ﮔ ﮕ ﮖ ﮗ ﮊ المائدة: ١٥ - ١٦

    ความว่า “บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย เเท้จริงรอซูลของเราได้มายังพวกเจ้าเเล้วโดยที่เขาจะเเจกเเจงเเก่พวกเจ้า ซึ่งมากมายจากสิ่งที่พวกเจ้าปกปิดไว้ในคัมภีร์เเละเขาจะระงับไว้มากมาย เเท้จริงเเสงสว่างจากอัลลอฮฺเเละคัมภีร์อันชัดเเจ้งนั้นได้มายังพวกเจ้าเเล้ว" “ ด้วยคัมภีร์นั้นเเหละ อัลลอฮฺจะเเนะนำผู้ที่ปฏิบัติตามความพึงพระทัยของพระองค์ซึ่งบรรดาทางเเห่งความปลอดภัย เเละจะให้พวกเขาออกจากความมืดไปสู่เเสงสว่างด้วยการอนุมัติของอัลลลอฮฺ เเละจะเเนะนำพวกเขาสู่หนทางอันเที่ยงตรง" (อัลมาอิดะฮฺ 5 : 15-16)

    4. อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﮋ ﯖ ﯗ ﯘﯙ ﯚ ﯛ ﯜ ﯝ ﯞ ﯟ ﯠ ﯡ ﯢ ﯣ ﯤ ﯥﯦ ﯧ ﯨ ﯩ ﯪ ﯫ ﯬ ﯭ ﯮ ﯯ ﯰ ﯱ ﯲ ﯳ ﯴ ﯵ ﯶ ﯷ ﯸ ﮊ النساء: ١٣ - ١٤

    ความว่า “เหล่านั้นเเหละคือขอบเขตของอัลลอฮฺ เเละผู้ใดที่เชื่อฟังอัลลอฮฺเเละรอซูลของพระองค์เเล้ว พระองค์ก็จะให้เขาเข้าบรรดาสวนสวรรค์ซึ่งมีเเม่น้ำหลายสายไหลอยู่เบื้องล่างของมัน โดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในสวนสวรรค์เหล่านั้นตลอดกาล เเละนั้นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่" “เเละผู้ใดฝ่าฝืนอัลลอฮฺเเละรอซูลของพระองค์เเละละเมิดขอบเขตของพระองค์เเล้วไซร้ พระองค์ก็จะให้เขาเข้านรก โดยที่เขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล เเละเขาจะได้รับการลงโทษที่ยังความอัปยศให้(เเก่เขา)" (อันนิซาอฺ 4 : 13-14)

    ศาสนาอิสลามจะถูกเผยแผ่ไปทั่ว ตราบใดที่ยังมีกลางคืนและกลางวัน หลังจากนั้นจะกลับมาอย่างคนแปลกหน้าเสมือนที่เริ่มต้น

    1. จากเษาบาน เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ กล่าวว่า: ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า

    «إنَّ الله زَوَى لِي الأَرْضَ فَرَأَيْتُ مَشَارِقَهَا وَمَغَارِبَـهَا وَإنَّ أُمَّتِي سَيَبْلُغُ مُلْكُهَا مَا زُوِيَ لِي مِنْـهَا...». أخرجه مسلم

    ความว่า “แท้จริงอัลลอฮ์ได้ย่อผืนดินมาอยู่ต่อหน้าฉัน จนกระทั่งฉันเห็นทิศตะวันออกและทิศตะวันตก และแท้จริงประชาชาติของฉันจะได้ปกครองมัน ในสิ่งที่อัลลอฮ์ย่อให้แก่ฉันได้เห็น...." (บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข2889)

    2. จากตะมีม อัดดารีย์ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ กล่าวว่า: ฉันได้ยินท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

    «لَيَبْلُغَنَّ هَذا الأَمْرُ مَا بَلَغَ اللَّيْلُ وَالنَّـهَارُ، وَلا يَتْرُكُ الله بَيْتَ مَدَرٍ وَلا وَبَرٍ إلا أَدْخَلَـهُ اللهُ هَذَا الدِّينَ، بعِزِّ عَزِيزٍ، أَوْ بذلِّ ذلِيلٍ، عِزّاً يُـعِزُّ اللهُ بـهِ الإسْلامَ، وَذلًّا يُذِلُّ اللهُ بـهِ الكُفْرَ». أخرجه أحمد والحاكم

    ความว่า “แน่แท้ศาสนานี้ (อิสลาม) จะไปทั่วถึงตราบใดที่ยังมีกลางคืนและกลางวัน และอัลลอฮฺจะไม่ละทิ้งบ้านหลังหนึ่งหลังใด ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือชนบท นอกจากอัลลอฮฺจะให้อิสลามเข้าไปถึง จะด้วยเกียรติของผู้ที่มีเกียรติหรือด้วยความต่ำต้อยไร้เกียรติ จะมีเกียรติโดยที่อัลลอฮฺยกย่องเขาด้วยกับอิสลาม ต่ำต้อยด้วยไร้เกียรติโดยที่อัลลอฮฺให้เขาเป็นผู้ปฏิเสธ" (บันทึกโดยอะหฺมัด หมายเลข 17082 , อัลฮากิม หมายเลข 8326, ดู อัส-สิลสิละฮฺ อัศ-เศาะฮีหะฮฺ หมายเลข 3)

    3. จาก อิบนุ อุมัร เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า:

    «إنَّ الإسْلامَ بَدَأَ غَرِيباً، وَسَيَـعُودُ غَرِيباً كَمَا بَدَأَ، وَهُوَ يَأْرِزُ بَيْنَ المَسْجِدَيْنِ كَمَا تَأْرِزُ الحَيَّةُ فِي جُحْرِهَا». أخرجه مسلم وأحمد ، وفي لفظ لأحمد بعد «كَمَا بَدَأَ»: «فَطُوبَى لِلْغُرَبَاءِ» قيل: ومَنْ الغرباء؟ قال: «النُّزَّاعُ مِنَ القَبَائِلِ».

    ความว่า “แท้จริงอิสลามเริ่มต้นด้วยความแปลกหน้า และจะกลับไปอย่างคนแปลกหน้าเสมือนที่เริ่มต้น และอิสลามจะถูกรวบรวมอยู่ระหว่างสองมัสยิด เสมือนที่งูได้รวมอยู่ในรูของมัน" (บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข 146 ,อะหฺมัด หมายเลข 378, อัลอัรนาอูฏ กล่าวว่า สายรายงานเศาะฮีหฺ)

    ในสายรายงานของอะหฺมัด หลังจากประโยค "เสมือนที่เริ่มต้น" ดังนั้นฏูบาสำหรับคนแปลกหน้า" มีผู้กล่าวว่า “แล้วใครคือคนแปลกหน้า? ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า “คือคนที่แยกตัวออกจากสังคม"

    เส้นทางสู่....ความสำเร็จและชัยชนะ

    อัลลอฮฺได้ประทานความสมบูรณ์ให้ศาสนาของเรา ได้ประทานความโปรดปรานอย่างเพียบพร้อมครบครัน และพระองค์พอพระทัยที่จะให้อิสลามเป็นศาสนาของเรา ดังนั้นผู้ใดที่ยอมจำนนต่อศาสนานี้ เขาจะมีความสุขในโลกดุนยา และจะได้รับการตอบแทนสวนสวรรค์ชั้นบรมสุขในโลกอาคีเราะฮฺ และในมุมกลับกันหากผู้ใดผินหลังให้กับหลักการอิสลาม เขาก็จะมีความทุกข์ระทมในดุนยา และผลตอบแทนในบั้นปลายของโลกอาคิเราะฮฺ คือ นรก และอัลลอฮฺจะไม่ตอบรับศาสนาหนึ่งศาสนาใดนอกจากศาสนาอิสลาม

    1. อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﮋ ﮂ ﮃ ﮄ ﮅﮆ ﮊ المائدة: ٣

    ความว่า “และข้าได้เลือกศาสนาอิสลามให้เป็นศาสนาแก่พวกเจ้าแล้ว" ( อัลมาอิดะฮฺ 5 : 3 )

    2. อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﮋ ﭯ ﭰ ﭱ ﭲ ﭳ ﭴ ﭵ ﭶﮊ آل عمران: ٨٥

    ความว่า “และผู้ใดที่แสวงศาสนาอื่นนอกจากอิสลามแล้วศาสนานั้นจะไม่ถูกตอบรับจากเขาเป็นอันขาด “ ( อาลาอิมรอน 3 : 85)

    3. จากอบีอุร็อยเราะฮฺ เราะฏิยัลลอฮุ อันฮุ จากรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า :

    «وَالَّذِي نَفْسُ مُـحَـمَّدٍ بِيَدِهِ لا يَسْمَعُ بِـي أحَـدٌ مِـنْ هَـذِهِ الأَمَّـةِ يَـهُـودِيٌّ وَلا نَصْرَانِـيٌّ، ثُـمَّ يَـمُـوتُ وَلَـمْ يُؤْمِنْ بالَّذِي أُرْسِلْتُ بـهِ، إلا كَانَ مِنْ أصْحَابِ النَّارِ»

    ความว่า “ขอสาบานผู้ที่ชีวิตมุฮัมมัดอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ไม่มีใครคนใดของประชาชาตินี้ไม่ว่าจะเป็นยิวหรือคริสเตียน ได้ยินฉัน ( คำสอน ) ต่อจากนั้นเขาตายโดยที่ไม่ได้ศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกส่งมาให้แก่ฉัน นอกจากเขาจะเป็นผู้หนึ่งจากชาวนรก " ( บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข 153 )