การศรัทธาต่อ อัลลอฮฺ
บทความนี้ถูกแปลเป็นภาษา
หมวดหมู่
Full Description
การศรัทธาต่ออัลลอฮฺ
الإيمان بالله
มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม บิน อับดุลลอฮฺ อัต-ตุวัยญิรีย์
محمد بن إبراهيم بن عبدالله التويجري
http://islamhouse.com/143461
จากหนังสือ: มุคตะศ็อร อัล-ฟิกฮฺ อัล-อิสลามีย์
المصدر: كتاب مختصر الفقه الإسلامي
หลักการศรัทธา
หลักการศรัทธามีทั้งหมด 6 ประการ ดังที่ได้กล่าวในหะดีษญีบรีล อะลัยฮิสสะลาม ในขณะที่ท่านญีบรีลได้เอ่ยถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เกี่ยวกับอีมาน ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ตอบว่า
«أَنْ تُؤْمِنَ بِالله، وَمَلائِكَتِـهِ، وَكُتُبِـهِ، وَرُسُلِـهِ، وَاليَوْمِ الآخِرِ، وَتُؤْمِنَ بِالقَدَرِ خَيْرِهِ وَشَرِّهِ» متفق عليه أخرجه البخاري برقم (50), ومسلم برقم (8) واللفظ له.
ความว่า : “การที่ท่านให้การศรัทธามั่นในอัลลอฮฺ, มลาอิกะฮฺ, บรรดาคัมภีร์ต่างๆ, บรรดาเราะซูล, วันกิยามะฮฺ และการศรัทธาในกำหนดการต่างๆของอัลลอฮฺเกี่ยวกับความดีและความชั่ว” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ : 50, และมุสลิม : 8 )
การศรัทธาต่ออัลลอฮฺ
การศรัทธาต่ออัลลอฮฺมี 4 ประการด้วยกัน
1. การศรัทธาว่าอัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา มีจริง
อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ได้กำหนดความรู้สึกดั้งเดิมในสิ่งถูกสร้างทั้งหลายบนพื้นฐานของการศรัทธาต่อผู้สร้าง ดังที่อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ได้ตรัสว่า
«فَأَقِمْ وَجْهَكَ لِلدِّينِ حَنِيفاً فِطْرَةَ اللهِ الَّتِي فَطَرَ النَّاسَ عَلَيْهَا لَا تَبْدِيلَ لِخَلْقِ اللهِ» (الروم : 30 )
ความว่า: ดังนั้น “เจ้าจงผินหน้าของเจ้าสู่ศาสนาที่เที่ยงแท้ (โดยเป็น)ธรรมชาติของอัลลอฮฺซึ่งพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการสร้างของอัลลอฮฺ...”( อัลรูม : 30 )
สติปัญญาได้บ่งชี้ให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ทั้งหมดมีผู้สร้าง และทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ทั้งที่เกิดขึ้นมาก่อนและเกิดขึ้นตามมาภายหลัง แน่นอนล้วนจะต้องมีผู้สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา และแน่นอนสิ่งต่างๆที่มีอยู่เหล่านี้ไม่สามารถที่จะสร้างตัวมันขึ้นมาเอง และมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ ดังนั้นจึงเป็นที่ชัดเจนและแน่นอนว่า สิ่งต่างๆที่มีอยู่เหล่านี้มีผู้สร้าง นั่นก็คือ อัลลอฮฺ พระเจ้าแห่งสากลจักรวาลนั่นเอง ดังที่พระองค์ได้ตรัสว่า
أَمْ خُلِقُوا مِنْ غَيْرِ شَيْءٍ أَمْ هُمُ الْخالِقُونَ. أَمْ خَلَقُوا السَّماواتِ وَالْأَرْضَ بَلْ لا يُوقِنُونَ
ความว่า : “หรือว่าพวกเขาถูกบังเกิดมาโดยไม่มีผู้ให้บังเกิด หรือว่าพวกเขาเป็นผู้ให้บังเกิดตนเอง หรือว่าพวกเขาเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนี้ เปล่าเลย เพราะพวกเขาไม่เชื่อมั่นต่างหาก” ( อัฏฏูรฺ : 35-36 )
ความรู้สึกสัมผัสของเราก็เป็นหลักฐานแสดงถึงความมีอยู่จริงของอัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา เราได้ประจักษ์ถึงการเปลี่ยนแปลงของกลางวันและกลางคืน มนุษย์และสัตว์มีปัจจัยยังชีพ และการบริหารจัดการความเป็นอยู่ของสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย จากหลักฐานอายะห์อัลกุรอานที่แสดงว่าอัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา มีจริง พระองค์ได้ตรัสในอัลกุรอานว่า
يُقَلِّبُ اللَّهُ اللَّيْلَ وَالنَّهَارَ ۚ إِنَّ فِي ذَٰلِكَ لَعِبْرَةً لِّأُولِي الْأَبْصَارِ
ความว่า : “อัลลอฮฺทรงให้กลางคืนและกลางวันหมุนเวียนกลับไปมา แท้จริงในลักษณะเช่นนั้น แน่นอนมันเป็นข้อเตือนสติแก่ผู้มีสายตาพิจารณา” ( อันนูรฺ : 44 )
และอัลลอฮฺ สุบหานาฮู วะตะอาลา ได้ให้สัญลักษณ์และมุอฺญิซาต(ความมหัศจรรย์)ต่างๆ ที่เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติแก่บรรดานบีและเราะสูล อะลัยฮิมุสลาม เพื่อเป็นการยืนยัน(ถึงสถานะของพวกเขา) ซึ่งได้ประจักษ์แก่มนุษย์ด้วยการมองเห็นหรือการได้ยินได้ฟัง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความสามารถของมนุษย์ อัลลอฮฺได้ช่วยเหลือบรรดาเราะสูลของพระองค์และยืนยัน(ถึงสถานะของพวกเขา) ด้วยสิ่งต่างๆเหล่านี้ และสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็เป็นหลักฐานที่หนักแน่นที่แสดงถึงการมีอยู่จริงของผู้ที่ส่งพวกเขามา นั่นก็คือ อัลลอฮฺ ผู้สูงส่ง นั่นเอง ดังตัวอย่างเช่น อัลลอฮฺได้ทำให้ไฟที่ลุกโชนได้เย็นลงและสามารถให้ความปลอดภัยแก่นบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสลาม และอัลลอฮฺได้แยกทะเลแดง(ให้เป็นเส้นทางในการเดินทาง)ให้แก่นบีมูซา อะลัยฮิสลามและอัลลอฮฺได้ให้ผู้ที่เสียชีวิตแล้วได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง(เพื่อเป็นมุอฺญิซะฮฺ เครื่องหมายแห่งความมหัศจรรย์)แก่นบีมูซา อะลัยฮิสลามและได้ผ่าดวงจันทร์ออกเป็นสองซีกให้แก่นบีมูหัมหมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เป็นต้น
และไม่รู้เท่าไรแล้วที่อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลาได้ตอบรับดุอาอ์จากบรรดาผู้ที่ขอ และได้ให้แก่ผู้ที่ร้องขอ และได้ช่วยเหลือปลดเปลื้องความทุกข์แก่ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันโดยไม่คลางแคลงใจถึงการมีอยู่จริงของอัลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา และความรอบรู้และความสามารถของพระองค์
1. อัลลอฮฺ สุบหานาฮู วะตะอาลา ได้ตรัสว่า
أَمْ خُلِقُوا مِنْ غَيْرِ شَيْءٍ أَمْ هُمُ الْخالِقُونَ. أَمْ خَلَقُوا السَّماواتِ وَالْأَرْضَ بَلْ لا يُوقِنُونَ
ความว่า : “จงรำลึกขณะที่พวกเจ้าขอความช่วยเหลือยามคับขันต่อพระเจ้าของพวกเจ้า แล้วพระองค์ก็ได้ทรงรับสนองแก่พวกเจ้าว่า แท้จริงข้าจะช่วยพวกเจ้าด้วยมลาอิกะฮฺหนึ่งพันตน โดยทยอยกันลงมา” ( อัลอันฟาล : 9 )
2. และอัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ได้ตรัสว่า
۞ وَأَيُّوبَ إِذْ نَادَىٰ رَبَّهُ أَنِّي مَسَّنِيَ الضُّرُّ وَأَنتَ أَرْحَمُ الرَّاحِمِينَ
فَاسْتَجَبْنَا لَهُ فَكَشَفْنَا مَا بِهِ مِن ضُرٍّ ۖ وَآتَيْنَاهُ أَهْلَهُ وَمِثْلَهُم مَّعَهُمْ رَحْمَةً مِّنْ عِندِنَا وَذِكْرَىٰ لِلْعَابِدِينَ
ความว่า : “และจงระลึกถึงเรื่องราวของอัยยูบเมื่อเขาได้ร้องเรียนพระเจ้าของเขาว่า แท้จริงข้าพระองค์นั้น ความทุกข์ยากได้ประสบแก่ข้าพระองค์ และพระองค์เท่านั้นเป็นผู้ทรงที่เมตตาที่สุดในหมู่ผู้เมตตาทั้งหลาย ดังนั้น เราได้ตอบรับการร้องเรียนของเขา แล้วเราได้ปลดเปลื้องสิ่งที่เป็นความทุกข์ยากแก่เขา และเราได้ให้ครอบครัวของเขาแก่เขา และเช่นเดียวกับที่เขาเคยมีมาก่อน (เช่นบุตรหลานและพวกพ้อง) เป็นความเมตาจากเรา และเป็นข้อตักเตือนแก่บรรดาผู้ที่เคารพภักดี” (อัลอัมบิยาอ์ : 83-84 )
หุก่มชะรีอะห์ (บทบัญญัติต่างๆ ในศาสนา) ก็เป็นหลักฐานได้ว่า อัลลอฮฺ สุบหานาฮู วะตะอาลา มีจริง หุก่มต่างๆที่กำหนดขึ้นมาเพื่อเป็นประโยชน์แก่มวลมนุษย์ทั้งหลายที่อัลลอฮฺ สุบหานาฮู วะตะอาลา ได้ประทานลงมาในคัมภีร์ต่างๆของพระองค์ให้แก่บรรดานบีและเราะสูล อะลัยฮิมุสสะลาม เป็นหลักฐานแสดงถึงว่า หุก่มต่างๆเหล่านี้มาจากพระเจ้าผู้ทรงปรีชาญานและทรง เดชานุภาพเหนือสิ่งอื่นใด ผู้รอบรู้ถึงความต้องการของมนุษย์
2. การศรัทธาว่าอัลลอฮฺเป็นพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียวโดยไม่มีการตั้งภาคีใดๆสำหรับพระองค์
พระเจ้าคือผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงปกครองและบริหารกิจการต่างๆ ดังนั้นจึงไม่มีผู้ทรงสร้างผู้ใดนอกจากอัลลอฮฺ ไม่มีผู้ทรงปกครองผู้ใดนอกจากอัลลอฮฺ และทรงบริหารสิ่งต่างๆทุกอย่าง สิ่งถูกสร้างต่างๆ เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ การปกครองต่างๆเป็นของพระองค์ การสั่งการต่างๆเป็นของพระองค์ พระองค์ผู้ทรงเดชานุภาพ และผู้ทรงเมตตา พระองค์ผู้ทรงมั่งมีและผู้ทรงอ่อนโยน พระองค์เป็นผู้ทรงเมตตาแก่ผู้ที่ร้องขอความเมตตาธรรม พระองค์ผู้ทรงให้อภัยแก่ผู้ที่ขออภัยโทษ พระองค์เป็นผู้ทรงให้แก่ผู้ที่ร้องขอ พระองค์ทรงตอบรับแก่ผู้ที่ดุอาอ์ พระองค์ผู้มีชีวิตผู้ดำรงโดยพระองค์เอง พระองค์ผู้ที่ความหลับใหลและอาการง่วงนอนไม่เยื่องกรายเข้ามาหาพระองค์
1. อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ได้ตรัสว่า
أَلَا لَهُ الْخَلْقُ وَالْأَمْرُ ۗ تَبَارَكَ اللَّهُ رَبُّ الْعَالَمِينَ
ความว่า : “พึงรู้เถิดว่า การสร้างและกิจการทั้งหลายนั้นเป็นสิทธิของพระองค์เท่านั้น มหาบริสุทธิ์อัลลอฮฺผู้เป็นพระเจ้าแห่งสากลโลก” ( อัลอะอฺรอฟ : 54 )
2. และอัลลอฮฺ สุบหานาฮู วะตะอาลา ได้ตรัสอีกว่า
لِلَّهِ مُلْكُ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ وَمَا فِيهِنَّ ۚ وَهُوَ عَلَىٰ كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ
ความว่า : อำนาจแห่งบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺทั้งสิ้น และพระองค์ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง” ( อัลมาอิดะฮฺ : 120 )
เราจึงรู้และศรัทธาอย่างมั่นใจว่า อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา เป็นผู้สร้างสรรค์สิ่งถูกสร้างทั้งหลาย ผู้ให้บังเกิดทุกสิ่งทุกอย่าง พระองค์ได้ทรงสร้างแผ่นดินและชั้นฟ้า พระองค์ได้ให้กำเนิดดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ พระองค์ได้ให้มีกลางวันและกลางคืน น้ำและต้นไม้ มนุษย์และสิ่งสาราสัตว์ ภูเขาและมหาสมุทร พระองค์ได้ตรัสว่า
وَخَلَقَ كُلَّ شَيْءٍ فَقَدَّرَهُ تَقْدِيرًا
ความว่า : “และพระองค์ทรงให้บังเกิดทุกสิ่ง แล้วทรงกำหนดมันให้เป็นไปตามกฎสภาวะ” (อัลฟุรฺกอน : 2 )
อัลลอฮฺ สุบหานาฮู วะตะอาลา ได้ทรงสร้างทุกสิ่งทุกอย่างด้วยเดชานุภาพของพระองค์ โดยไม่มีผู้ช่วยและไม่มีผู้ให้ความเห็นใดๆทั้งสิ้น พระองค์ผู้สูงส่งจากสิ่งต่างๆเหล่านี้ พระองค์ผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงมีพลานุภาพเหนือทุกสิ่ง พระองค์ผู้ทรงประทับอยู่เหนือบัลลังค์ (العرش)ด้วยเดชานุภาพของพระองค์ พระองค์ผู้ทรงแผ่ผืนแผ่นดินให้ออกกว้างด้วยความประสงค์ของพระองค์ พระองค์ได้สร้างมนุษย์ด้วยความประสงค์ของพระองค์ พระองค์มีอำนาจเหนือปวงบ่าวทั้งหลายด้วยเดชานุภาพของพระองค์ พระองค์คือพระเจ้าทั้งทางด้านตะวันตกและตะวันออก ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่แท้จริงนอกจากพระองค์ ผู้ทรงมีชีวิตและทรงดำรงตนโดยพระองค์เอง
เรารู้และเชื่ออย่างมั่นใจอีกว่า อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา พระองค์ผู้ทรงเดชานุภาพในทุกสิ่งทุกอย่าง พระองค์ผู้ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง พระองค์เป็นผู้ปกครองและบริหารในทุกสิ่งทุกอย่าง พระองค์รอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง พระองค์มีอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกผู้ทุกนามยอมนอบน้อมถ่อมตนต่อความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ทุกแส้เสียงยอมอ่อมน้อมถึงความอหังการของพระองค์ ผู้พยศทุกนามยอมถ่อมตัวต่อมหาอำนาจของพระองค์ พระองค์คือผู้ที่ทุกสายตาไม่สามารถมองเห็น แต่พระองค์สามารถรู้และมองเห็นทุกสายตา พระองค์ผู้ละเอียดรอบคอบ ผู้ทรงรอบรู้ พระองค์ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ต้องการ และพระองค์ตัดสินในสิ่งที่พระองค์ประสงค์ พระองค์ได้ตรัสว่า
إِنَّمَا أَمْرُهُ إِذَا أَرَادَ شَيْئًا أَن يَقُولَ لَهُ كُن فَيَكُونُ
ความว่า : “แท้จริงพระบัญชาของพระองค์ เมื่อทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์ก็จะตรัสแก่มันว่า จงเป็นแล้วมันก็จะเป็นขึ้นมา” ( ยาสีน : 82 )
พระองค์ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในชั้นฟ้าและทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในผืนแผ่นดิน พระองค์ผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งเร้นลับและสิ่งที่มองเห็น ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงรอบรู้ถึงน้ำหนักของภูเขา ผู้ทรงรอบรู้ปริมาณของน้ำในมหาสมุทร ผู้ทรงรอบรู้จำนวนเม็ดฝน ผู้ทรงรอบรู้จำนวนใบของต้นไม้ทั้งหมดและจำนวนเม็ดดินทุกเม็ด และพระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในความมืดของกลางคืนและทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ที่สว่างของกลางวัน พระองค์ได้ตรัสถึงความรอบรู้ของพระองค์ในสิ่งเหล่านี้ว่า
وَعِندَهُ مَفَاتِحُ الْغَيْبِ لَا يَعْلَمُهَا إِلَّا هُوَ ۚ وَيَعْلَمُ مَا فِي الْبَرِّ وَالْبَحْرِ ۚ وَمَا تَسْقُطُ مِن وَرَقَةٍ إِلَّا يَعْلَمُهَا وَلَا حَبَّةٍ فِي ظُلُمَاتِ الْأَرْضِ وَلَا رَطْبٍ وَلَا يَابِسٍ إِلَّا فِي كِتَابٍ مُّبِينٍ
ความว่า : “และที่พระองค์นั้นมีบรรดากุญแจแห่งความเร้นลับโดยที่ไม่มีใครรู้กุญแจเหล่านั้นนอกจากพระองค์เท่านั้น และพระองค์ทรงรู้สิ่งที่อยู่ในแผ่นดินและในทะเล และไม่มีใบไม้ใดร่วงหล่นมา นอกจากพระองค์จะทรงรู้มัน และไม่มีเมล็ดพืชใด ซึ่งอยู่ในบรรดาความมืดของแผ่นดิน และไม่มีสิ่งที่อ่อนนุ่มใด และสิ่งที่แห้งใด นอกจากจะอยู่ในบันทึกอันชัดแจ้ง” (อัลอันอาม: 59)
เรารู้และเชื่อศรัทธาอย่างไม่คลางแคลงใจอีกว่า อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา อยู่ในกิจการทุกวันเวลา ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนเร้นจากพระองค์ในผืนแผ่นดินและชั้นฟ้า ผู้บริหารจัดการในทุกสิ่ง ผู้ให้บังเกิดลม ผู้ที่ส่งเม็ดฝนลงมา ผู้ทรงให้ชีวิตแก่ผืนดินหลังจากที่ได้ตายมาแล้ว พระองค์ทรงให้เกียรติและอำนาจแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงให้ความต่ำต้อยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์เป็นผู้ให้และผู้สั่งห้าม พระองค์เป็นผู้ลดระดับชั้นและยกระดับ พระองค์ได้กล่าวว่า
هُوَ الْأَوَّلُ وَالْآخِرُ وَالظَّاهِرُ وَالْبَاطِنُ ۖ وَهُوَ بِكُلِّ شَيْءٍ عَلِيمٌ
ความว่า : “พระองค์ทรงเป็นองค์แรกและองค์สุดท้ายและทรงเปิดเผยและทรงเร้นลับ และพระองค์ทรงเป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง” ( อัลหะดีด : 3 )
เรารู้และศรัทธาอย่างไม่คลางแคลงใจอีกว่า คลังแห่งชั้นฟากฟ้าและแผ่นดินทั้งหมดและทุกสิ่งทุกอย่างที่มีทั้งหมดเป็นของอัลลอฮฺ คลังของทุกสิ่งมีอยู่ ณ อัลลอฮฺ คลังแห่งน้ำ คลังแห่งพืชไม้ คลังแห่งลม คลังแห่งวัตถุดิบต่างๆ คลังแห่งความปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ คลังแห่งความสงบสุขและความปลอดภัยทั้งมวล คลังแห่งนิอฺมะฮฺและปัจจัยยังชีพทั้งหลาย คลังแห่งความทุกข์โศกและการลงโทษ คลังแห่งความเมตตาธรรมทั้งหลาย คลังแห่งทางนำ คลังแห่งความแข็งแรงและอำนาจต่างๆ คลังแห่งเกียรติ คลังเหล่านี้และทุกสิ่งทุกอย่างมีอยู่ ณ อัลลอฮฺและในพระหัตถ์ของพระองค์ อัลลอฮฺ สุบหานาฮู วะตะอาลา ได้ตรัสว่า
وَإِن مِّن شَيْءٍ إِلَّا عِندَنَا خَزَائِنُهُ وَمَا نُنَزِّلُهُ إِلَّا بِقَدَرٍ مَّعْلُومٍ
ความว่า : “และไม่มีสิ่งใด เว้นแต่ที่เรานั้นมีคลังของมัน และเราจะไม่ให้มันลงมานอกจากตามสภาวะที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ( อัลหิจญ์รฺ : 21 )
เมื่อเราทราบและเราศรัทธาในเดชานุภาพ ความยิ่งใหญ่ พลังอำนาจ ความสูงส่ง ความรอบรู้ คลังของทุกสิ่งทุกอย่าง ความเมตตา และความเอกะของอัลลอฮฺ จิตใจของเราจึงมุ่งไปหาพระองค์ น้อมรับอย่างเต็มอกที่จะกราบไหว้พระองค์ ถวายกายและอวัยวะต่างๆเพื่อการภักดีต่อพระองค์ เปิดปากกล่าวสรรเสริญถึงความยิ่งใหญ่ ความบริสุทธิ์และเกียรติของพระองค์ ดังนั้นเราจะไม่ขอพรและขอความช่วยเหลือใดๆนอกจากกับพระองค์ เราจะไม่ฝากความไว้วางใจนอกจากกับพระองค์ เราจะไม่เกรงกลัวสิ่งอื่นใดๆนอกจากพระองค์ และเราจะไม่กราบไหว้สิ่งใดๆนอกจากพระองค์เท่านั้น พระองค์ได้ตรัสว่า
ذَٰلِكُمُ اللَّهُ رَبُّكُمْ ۖ لَا إِلَٰهَ إِلَّا هُوَ ۖ خَالِقُ كُلِّ شَيْءٍ فَاعْبُدُوهُ ۚ وَهُوَ عَلَىٰ كُلِّ شَيْءٍ وَكِيلٌ
ความว่า : “นั่นแหละคืออัลลอฮฺ ผู้เป็นพระเจ้าของพวกเจ้า ไม่มีผู้ควรได้รับการเคารพสักการะนอกจากพระองค์ผู้ทรงบังเกิดทุกสิ่งทุกอย่างเท่านั้น พวกเจ้าทรงเคารพสักการะพระองค์เถิด และพระองค์ทรงเป็นผู้รับมอบหมายให้คุ้มครองรักษาในทุกสิ่งทุกอย่าง” (อัลอันอาม : 102 )
3. การศรัทธาถึงความเป็นพระเจ้าของอัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ที่มีคุณสมบัติที่ควรแก่การกราบไหว้
เรารู้และเชื่ออย่างมั่นใจอีกว่า อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ผู้เดียวคือ พระเจ้าที่มีคุณสมบัติที่ควรแก่การกราบไหว้อย่างแท้จริงโดยไม่มีการตั้งภาคีใดๆสำหรับพระองค์ และพระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่สมควรถวายการอิบาดะฮฺ พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นคือพระเจ้าผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงบริหารปกครอง และดูแลแห่งสากลจักรวาล และพระองค์ผู้เดียวเท่านั้นคือพระเจ้าแห่งสากลจักรวาลที่คู่ควรแก่การกราบไหว้ เราจะถวายการอิบาดะฮฺและเคารพภักดีพระองค์ตามที่พระองค์ได้ทรงใช้ พร้อมด้วยความนอบน้อมถ่อมตน ความรัก และให้การสรรเสริญถึงความยิ่งใหญ่แก่พระองค์อย่างสิ้นเชิง
เรารู้และศรัทธามั่นอีกว่า อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา เป็นผู้เดียวที่ทรงมีคุณสมบัติของพระเจ้าที่เป็นผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงบริหารปกครองและดูแลโดยไม่มีภาคีใดๆสำหรับพระองค์ เช่นเดียวกัน พระองค์ก็ทรงมีคุณสมบัติของพระเจ้าที่คู่ควรแก่การกราบไหว้แต่เพียงผู้เดียวโดยไม่มีภาคีใดๆด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราจึงจะกราบไหว้พระองค์แต่เพียงผู้เดียวโดยไม่มีการตั้งภาคีใดๆสำหรับพระองค์ และเราจะหลีกห่างจากการถวายการอิบาดะฮฺสิ่งอื่นใดที่นอกเหนือ จากพระองค์ อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา ได้ตรัสว่า
وَإِلَٰهُكُمْ إِلَٰهٌ وَاحِدٌ ۖ لَّا إِلَٰهَ إِلَّا هُوَ الرَّحْمَٰنُ الرَّحِيمُ
ความว่า : “และผู้ควรแก่การเคารพสักการะของพวกเจ้านั้น มีเพียงองค์เดียว ไม่มีผู้ควรแก่การเคารพสักการะใดๆ นอกจากพระองค์ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอเท่านั้น" อัลบะเกาะเราะฮฺ : 163 )
สิ่งสักการะบูชาใดๆที่นอกเหนือจากพระองค์จึงเป็นพระเจ้าจอมปลอม และการกราบไหว้บูชาแก่สิ่งเหล่านี้จึงเป็นการกราบไหว้จอมปลอม อัลลอฮฺ สุบหานาฮู วะตะอาลา ได้ตรัสว่า
ذَٰلِكَ بِأَنَّ اللَّهَ هُوَ الْحَقُّ وَأَنَّ مَا يَدْعُونَ مِن دُونِهِ هُوَ الْبَاطِلُ وَأَنَّ اللَّهَ هُوَ الْعَلِيُّ الْكَبِيرُ
ความว่า : “เช่นนั้นแหละ เพราะว่าอัลลอฮฺ คือผู้ทรงสัจจะ และแท้จริงสิ่งที่พวกเขาวิงวอนขออื่นจากพระองค์นั้นมันเป็นเท็จ และแท้จริงอัลลอฮฺพระองค์เป็นผู้สูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่” ( อัลหัจญ์ : 62 )
4.ศรัทธาในพระนามอันงดงามและคุณสมบัติอันสูงส่งของอัลลอฮฺ
การศรัทธาในพระนามอันงดงามและคุณสมบัติอันสูงส่งของอัลลอฮฺ หมายถึง การเข้าใจ จดจำและยอมรับในนามและคุณสมบัติของอัลลอฮฺ และการเคารพกราบไหว้อัลลอฮฺด้วยคุณสมบัติดังกล่าว รวมถึงการปฏิบัติในความหมายของพระนามและคุณสมบัติของอัลลอฮฺดังกล่าวนี้ด้วย ดังนั้นการรับรู้ถึงคุณสมบัติความยิ่งใหญ่ ความอหังการที่เหนือสิ่งอื่นใดทำให้จิตใจของมนุษย์รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่และเดชานุภาพของอัลลอฮฺ การรับรู้ถึงคุณสมบัติของความยิ่งใหญ่ ความสามารถ และบารมีที่กว้างขวางของอัลลอฮฺ ทำให้จิตใจของมนุษย์รู้ถึงความต่ำต้อยของตนเอง และนอบน้อมถ่อมตนต่อหน้าพระพักต์ของพระผู้เป็นเจ้า
การรับรู้ถึงความเมตตาปรานี ความอารี และความพระทัยกว้างของอัลลอฮฺ ทำให้จิตใจถวิลหาและต้องการความโปรดปราน ความอารีของพระองค์
การรับรู้ถึงความรอบรู้ของอัลลอฮฺทำให้บ่าวเกิดการไตร่ตรองในทุกการงานและการกระทำของตนเองในทุกย่างก้าว
คุณสมบัติทั้งหมดเหล่านี้ได้ทำให้บ่าวมีความรักต่อพระองค์ ต้องการไปสู่พระองค์มุ่งหน้าไปหาพระองค์ ยอมถวายความไว้วางใจแด่พระองค์ และยอมเข้าใกล้พระองค์ด้วยการเคารพภักดีและกราบไหว้พระองค์แต่เพียงผู้เดียวโดยที่ไม่มีการตั้งภาคีใดๆต่อพระองค์
เรายอมรับในพระนามและคุณสมบัติของอัลลอฮฺในสิ่งที่พระองค์ได้ยอมรับโดยพระองค์เองและยอมรับโดยเราะสูลของพระองค์ เราศรัทธาในพระนามและคุณสมบัติเหล่านี้และเราศรัทธาในความหมายที่อยู่ในขอบข่ายและผลที่เกิดจากพระนามและคุณสมบัติดังกล่าว เราศรัทธาว่าอัลลอฮฺมีพระนามว่า เราะหีม (رحيم) ซึ่งหมายถึง ผู้ที่มีความเมตตาปรานี และเราศรัทธาในผลที่เกิดจากชื่อดังกล่าวนี้ เช่นประโยคที่กล่าวว่า أنه يرحم من يشاء ซึ่งหมายถึง พระองค์เป็นผู้ที่มีความเมตตาปรานีแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และเราเชื่อและศรัทธาเช่นนี้กับบรรดาพระนามทั้งหมด เรายอมรับในพระนามและคุณสมบัติต่างๆที่เหมาะสมและคู่ควรกับสถานะที่สูงส่งของพระองค์โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือลดหย่อน หรือแสดงให้เห็นรูปในมโนภาพ หรือเทียบเคียงเสมอเหมือนกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งเหล่านี้ตั้งอยู่บนคำชี้แจงของพระองค์ที่พระองค์ได้อธิบายในคำตรัสของพระองค์ว่า
لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ ۖ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ
ความว่า : “ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น” ( อัชชูรอ : 11 )
เรารู้และศรัทธามั่นอีกว่า อัลลอฮฺ สุบหานาฮุ วะตะอาลา แต่เพียงผู้เดียวที่มีพระนามที่งดงามและคุณสมบัติที่สูงส่ง และเราก็จะขอพรจากพระนามและคุณสมบัติของพระองค์เหล่านี้
1. อัลลอฮฺ สุบหานาฮู วะตะอาลา ได้ตรัสว่า
وَلِلَّهِ الْأَسْمَاءُ الْحُسْنَىٰ فَادْعُوهُ بِهَا ۖ وَذَرُوا الَّذِينَ يُلْحِدُونَ فِي أَسْمَائِهِ ۚ سَيُجْزَوْنَ مَا كَانُوا يَعْمَلُونَ
ความว่า : “และอัลลอฮฺนั้นมีบรรดาพระนามอันสวยงาม ดังนั้นพวกเจ้าจงเรียกหาพระองค์ด้วยพระนามเหล่านั้นเถิด และจงปล่อยบรรดาผู้ที่ทำเฉในบรรดาพระนามของพระองค์เถิด พวกเขาจะถูกตอบแทนในสิ่งที่พวกเขากระทำ” (อัลอะอฺรอฟ : 180 )
2. จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ (ได้กล่าวว่า) ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«إنّ لله تِسْعَةً وَتِسْعِيْنَ اسْماً، مِائَةً إلَّا وَاحِداً، مَنْ أَحْصَاهَا دَخَلَ الجَنَّةَ». متفق عليه أخرجه البخاري برقم (7392)، ومسلم برقم (2677)
ความว่า : “แท้จริงแล้ว สำหรับอัลลอฮฺมีเก้าสิบเก้าพระนามด้วยกัน จากหนึ่งร้อยยกเว้นเพียงแค่หนึ่ง ใครก็ตามที่คิดคำนวณในพระนามดังกล่าวนี้ แน่นอนเขาผู้นั้นจะได้เข้าสวรรค์” ( บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ : 7392, และมุสลิม : 2677 )