ประเภทของชิริก (การตั้งภาคี)
บทความนี้ถูกแปลเป็นภาษา
หมวดหมู่
Full Description
ประเภทของชิริก
﴿أقسام الشرك﴾
] ไทย – Thai – تايلاندي [
มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม อัตตุวัยญิรีย์
แปลโดย : ซุกรีย์ นูร จงรักศักดิ์
ผู้ตรวจทาน : อัสรัน นิยมเดชา
ที่มา : หนังสือมุคตะศ็อร อัลฟิกฮิล อิสลามีย์
2010 - 1431
﴿أقسام الشرك﴾
« باللغة التايلاندية »
الشيخ محمد بن إبراهيم التويجري
ترجمة: شكري نور
مراجعة: عصران إبراهيم
المصدر: كتاب مختصر الفقه الإسلامي
2010 - 1431
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
5- ประเภทของชิริก
ชิริกมีสองประเภท คือ ชิริกใหญ่ และชิริกเล็ก
ชิริกใหญ่ ทำให้ตกศาสนา และการทำดีทั้งหมดต้องเป็นโมฆะ ผู้กระทำหมดสิทธิการได้รับความคุ้มครองทางร่างกายและทรัพย์สินจากรัฐบาลอิสลาม เขาจะต้องตกนรกหากสิ้นชีวิตโดยไม่ขอประทานอภัยโทษและถอนตัว ทั้งนี้ เกิดจากการมอบการกราบไหว้ให้กับผู้อื่นนอกเหนือจากอัลลอฮฺแม้เพียงน้อยนิดก็ตาม เช่น การวิงวอนขอพร การเชือดสัตว์หรือบนบานกับผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺ ไม่ว่ากับผู้ตาย ญิน หรือชัยฏอน และผู้อื่นๆ การวิงวอนขอความมั่งมีหรือขอให้หายป่วยไข้หรือขอสิ่งที่หวังหรือให้ขจัดภัยจากผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺ ดังที่คนที่รู้เท่าไม่การณ์มักจะขอความคุ้มครองจากกับนักบุญ หรือที่คนนอกศาสนามักจะขอจากรูปปั้นต่างๆ เป็นต้น
ชิริกใหญ่ประเภทต่างๆ
1- ชิริกในด้านการเกรงกลัว
หมายถึง การเกรงกลัวผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺ เช่น กลัวสิ่งกราบไหว้อื่นๆ กลัวรูปปั้น ฎอฆูต คนตาย หรือ ขอความช่วยเหลือจากภูตผี มนุษย์ให้ช่วยขจัดทุกข์ภัยจากตัวเขา ซึ่งความกลัวเช่นนี้ เป็นแกนสำคัญของศาสนาที่สูงส่ง ดังนั้น หากกระทำต่อผู้อื่นนอกเหนือจากอัลลอฮฺ ก็หมายความว่าเขาได้กระทำชิริกใหญ่
อัลลอฮฺตรัสว่า
(ﭧ ﭨ ﭩ ﭪ ﭫ ﭬ ﭭ) [آل عمران/175].
ความว่า : ดังนั้น สูเจ้าจงอย่าเกรงกลัวพวกเขาแต่จงเกรงกลัวฉัน หากสูเจ้าเป็นผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง (อาล อิมรอน : 175)
2- ชิริกในด้านการมอบตน
การมอบตนแก่อัลลลอฮฺในทุกเรื่องและทุกสภาพการณ์เป็นแขนงของอิบาดะฮฺที่ใหญ่ที่สุดที่มนุษญ์จะต้องทำให้ได้ หากผู้ใดมอบตนแก่ผู้อื่นนอกเหนือจากอัลลอฮฺในสิ่งที่โดยวิสัยเดิมแล้วสิ่งนั้นไม่มีผู้ใดสามารถจะกระทำได้ยกเว้นเพียงอัลลอฮฺ เช่น มอบตนแก่คนตาย หรือคนล่วงลับให้ขจัดทุกข์ภัยและนำโชคลาภหรือความมั่งมีศรีสุข คนผู้นั้นก็ได้ทำชิริกใหญ่
อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
(ﯽ ﯾ ﯿ ﰀ ﰁ ﰂ ﰃ) [المائدة/23].
ความว่า : และเพียงกับอัลลอฮฺเท่านั้นพวกเจ้าจงมอบตน หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง (อัลมาอิดะฮฺ : 23)
3-ชิริกในด้านความรัก
ความรักต่ออัลลอฮฺ คือ ความรักที่ก่อให้เกิดความถ่อมตัวและความเคารพเชื่อฟังอย่างสมบูรณ์ เป็นความรักที่บริสุทธิ์ มันจะต้องไม่มอบให้กับผู้อื่นใดนอกเหนือจากพระองค์ หากผู้ใดรักชอบผู้อื่นดังที่เขาสมควรรักอัลลอฮฺแล้ว เขาก็ได้ยึดผู้อื่นเป็นสิ่งเทียบเคียง ที่เขารักและเทิดทูนร่วมกับอัลลอฮฺ ซึ่งสิ่งนี้เป็นชิริก เช่นกัน
อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
(ﭽ ﭾ ﭿ ﮀ ﮁ ﮂ ﮃ ﮄ ﮅ ﮆ ﮇ ﮈ ﮉ ﮊ ﮋ ﮌ ﮍ ﮎ) [البقرة/165].
ความว่า : และมีบางคนที่ยึดผู้อื่นนอกเหนือจากอัลลอฮฺเป็นที่รักและที่เทิดทูน พวกเขารักชอบคนเหล่านั้นเหมือนกับรักชอบอัลลอฮฺ แต่บรรดาผู้ศรัทธานั้นรักชอบอัลลอฮฺมากยิ่งกว่านัก (อัลบะเกาะเราะฮฺ : 165)
4- ชิริกในด้านการเคารพเชื่อฟัง
ตัวอย่างการชิริกในด้านการเคารพเชื่อฟังก็คือ การเคารพเชื่อฟังผู้นำศาสนา ผู้นำ หัวหน้า หรือผู้พิพากษาในการอนุมัติสิ่งที่อัลลอฮฺไม่อนุมัติ หรือไม่อนุมัติสิ่งที่อัลลอฮฺอนุมัติให้ หากผู้ใดกระทำสิ่งดังกล่าว ก็หมายความว่าพวกเขาได้ยึดบุคคลเหล่านั้นเป็นภาคีกับอัลลอฮฺในด้านการออกกฎบัญญัติ การอนุมัติ การไม่อนุมัติ ซึ่งสิ่งนี้เป็นชิริกใหญ่ดังที่อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
(ﯘ ﯙ ﯚ ﯛ ﯜ ﯝ ﯞ ﯟ ﯠ ﯡ ﯢ ﯣ ﯤ ﯥ ﯦ ﯧ ﯨ ﯩ ﯪ ﯫ ﯬ ﯭ ﯮ ﯯ ﯰ ﯱ) [التوبة /31].
ความว่า : พวกเขาได้ยึดเอาบรรดานักบุญของพวกเขา และบรรดาบาทหลวงของพวกเขาเป็นพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮฺ และยึดเอาอัล-มะซีห์บุตรของมัรยัมเป็นพระเจ้าด้วย ทั้งๆ ที่พวกเขามิได้ถูกใช้นอกจากเพื่อเคารพสักการะผู้ที่สมควรได้รับการเคารพสักการะแต่เพียงองค์เดียว ซึ่งไม่มีผู้ใดควรได้รับการเคารพสักการะนอกจากพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งที่พวกเขาให้มีภาคีขึ้น (อัตเตาบะฮฺ : 31)
ประเภทของนิฟาก
1- นิฟากใหญ่ คือ นิฟากในด้านความเชื่อ ด้วยการที่แสแสร้งแสดงความเป็นมุสลิมแต่เพียงภายนอก แต่ภายในกลับซ่อนความเป็นผู้ปฏิเสธ ซึ่งผู้กระทำสิ่งนี้จะต้องอยู่ในนรกชั้นล่างสุด
อัลลอฮฺ ได้ตรัสว่า
(ﮱ ﯓ ﯔ ﯕ ﯖ ﯗ ﯘ ﯙ ﯚ ﯛ ﯜﯝ) [النساء/145]
ความว่า : แท้จริง บรรดาคนมุนาฟิก (ผู้แสแสร้งเป็นมุสลิม) นั้นจะต้องอยู่ในนรกชั้นใต้สุดและเจ้าจะไม่มีวันพบว่ามีผู้ช่วยคนใดๆ เลยสำหรับพวกเขา (อันนิสาอ์ : 145)
2- นิฟากเล็ก คือ การนิฟากในด้านการกระทำ เป็นต้น ซึ่งผู้กระทำไม่ถึงกับต้องพ้นสภาพการเป็นมุสลิม แต่เป็นเพียงผู้ละเมิดกฎของอัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์ มีรายงานจากอับดุลลอฮฺ บิน อัมรฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุมา ว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«أَرْبَـعٌ مَنْ كُنّ فِيْـهِ كَانَ مُنَافِقاً خَالِصاً، وَمَنْ كَانَتْ فِيهِ خَصْلَةٌ مِنْـهُنَّ كَانَتْ فِيْـهِ خَصْلَةٌ مِنَ النِّفَاقِ حَتَّى يَدَعَهَا: إذَا ائْتُـمِنَ خَانَ، وَإذَا حَدَّثَ كَذَبَ، وَإذَا عَاهَدَ غَدَرَ، وَإذَا خَاصَمَ فَجَرَ». متفق عليه، أخرجه البخاري برقم (34)، واللفظ له، ومسلم برقم (58).
ความว่า : “มีการกระทำสี่อย่างที่หากใครทำทั้งหมดเขาจะเป็นคนมุนาฟิกเต็มตัว และหากใครกระทำเพียงสิ่งเดียวจากทั้งหมดนั้น ก็ถือว่าเขามีความเป็นมุนาฟิกเพียงเสี้ยวหนึ่งจนกว่าเขาจะละทิ้งมันไป คือ เมื่อได้รับความไว้ใจเขาจะทำลาย เมื่อพูดจาจะโกหก เมื่อสัญญาจะบิดพลิ้ว และเมื่อทะเลาะจะรวนเรหาเรื่องอย่างไม่มีเหตุผล" (มุตตะฟัก อะลัยฮฺ รายงานโดยอัลบุคอรียฺตามสำนวนนี้ หมายเลข 34 และมุสลิม หมายเลข 58)
2- ชิริกเล็ก คือ สิ่งที่อิสลามเรียกว่าชิริก แต่ไม่ถึงขั้นชิริกใหญ่ มันจะทำให้เตาฮีดไม่สมบูรณ์แต่ไม่ถึงกับออกนอกศาสนา มันคือสื่อสู่ชิริกใหญ่ โดยผู้กระทำถือเป็นชาวมุสลิมที่กระทำผิด ชีวิตและทรัพย์สินของเขายังคงถูกปกป้อง ทั้งนี้ ชิริกใหญ่จะทำให้กรรมดีทั้งหมดของเขาตกเป็นโมฆะหรือกลายเป็นศูนย์ ส่วนชิริกเล็กจะทำลายกรรมดีที่เขาแทรกชิริกเข้าไปเท่านั้น เช่น เขากระทำสิ่งหนึ่งเพื่อหวังได้รับการชื่นชมจากสังคม ไม่ว่าจะเป็นการละหมาดที่เรียบร้อย การให้ทาน การถือศีลอด หรือการแสแสร้งแกล้งรำลึกถึงอัลลอฮฺเพื่อให้คนเห็น ให้คนได้ยิน หรือเยินยอ ซึ่งการกระทำเพื่อเอาหน้าอย่างนี้ถือเป็นโมฆะ อนึ่ง คำว่าชิริกในกุรอานนั้นล้วนแต่หมายถึงชิริกใหญ่ ส่วนชิริกเล็ก มีระบุในหะดีษ
1- อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
(ﰄ ﰅ ﰆ ﰇ ﰈ ﰉ ﰊ ﰋ ﰌ ﰍ ﰎ ﰏ ﰐ ﰑ ﰒ ﰓ ﰔ ﰕ ﰖ ﰗ ﰘ ﰙ ﰚ ﰛ ﰜ ﰝ) [الكهف/110].
ความว่า : จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด แท้จริง ฉันเป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่งเยี่ยงพวกท่าน ที่มีวะห์ยู(วิวรณ์)แก่ฉันว่า แท้จริง พระเจ้าของพวกท่านนั้นคือพระเจ้าองค์เดียว ดังนั้น ผู้ใดหวังที่จะพบพระผู้เป็นเจ้าของเขา ก็ให้เขาประกอบการงานที่ดี และอย่าตั้งผู้ใดเป็นภาคีในการเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขาเลย (อัลกะฮ์ฟฺ : 110)
2- อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮฺ เล่าว่าท่านเราะสูลุลลอฮฺ –ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม-ได้กล่าวว่า
«قَالَ اللهُ تَـبَارَكَ وتَعَالَى أَنَا أَغْنَى الشُّرَكَاءِ عَنِ الشِّرْكِ مَنْ عَمِلَ عَمَلاً أَشْرَكَ فِيْـهِ مَعِي غَيْرِي تَرَكْتُـهُ وَشِرْكَهُ». أخرجه مسلم برقم (2985).
ความว่า : อัลลอฮฺ ตะบาเราะกาวะตะอาลาได้ตรัสว่า “ข้าคือผู้ที่มั่งมีซึ่งไม่ต้องการหุ้นส่วนและการตั้งภาคีใดๆ อีกเป็นที่สุด หากผู้ใดทำการสิ่งหนึ่งสิ่งใดด้วยการที่ควบคู่ตั้งภาคีข้ากับผู้อื่นในจุดประสงค์ของการกระทำนั้น ข้าก็จะปล่อยเขาให้อยู่กับผู้ที่เขาตั้งภาคีนั้นๆ" (รายงานโดยมุสลิม หมายเลข 2985)
ชิริกเล็กอีกประเภทหนึ่ง คือ การสาบานกับผู้อื่นที่ไม่ใช่อัลลอฮฺ และการพูดว่า “มาชาอัลลอฮฺ วะชาอะ ฟุลาน" หมายถึง อัลลอฮฺทรงประสงค์และคนนั้นก็ต้องการเช่นนั้น" หรือพูดว่า “หากไม่เป็นเพราะอัลลอฮฺและคนนั้น" หรือพูดว่า “สิ่งนี้มาจากอัลลอฮฺและคนนั้น" หรือพูดว่า “เป็นเพราะอัลลอฮฺและคนนั้น" หรือคำพูดในทำนองเช่นนี้ที่ส่อว่ามีการยกสถานภาพของสิ่งอื่นเทียบเคียงกับอัลลอฮฺ ซึ่งหากเขาจะกล่าวเช่นนั้น ให้เขากล่าวว่า “มาชาอัลลอฮฺ ษุมมะ ชาอะ ฟุลาน" หมายถึง อัลลอฮฺทรงประสงค์ จากนั้น คนนั้นก็ต้องการ เป็นต้น ซึ่งให้ความหมายว่าเขาผู้นั้นอยู่คนละสถานภาพกับอัลลอฮฺ
1- อิบนุอุมัร เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮฺ เล่าว่า
سمعت رسول الله صلى الله عليه وسلم يقول: «مَنْ حَلَفَ بِـغَيْرِ الله٬ فَقَدْ كَفَرَ أَوْ أَشْرَكَ». أخرجه أبو داود والترمذي صحيح/ أخرجه أبو داود برقم (3251)، وأخرجه الترمذي برقم (1535)، واللفظ له
ความว่า : ฉันได้ยินท่านเราะสูลลุลลอฮฺ –ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม- กล่าวว่า “ผู้ใดสาบานกับผู้อื่นที่ไม่ใช่อัลลอฮฺ เขาก็ได้ตกศาสนาหรือเป็นผู้ชิริกแล้ว"(รายงานโดย อบูดาวูด หมายเลข 3251 และอัตติรมิซีย์ ตามสำนวนนี้ หมายเลข 1535)
2- หุซัยฟะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮฺ เล่าว่าท่านนบี –ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม-
ได้กล่าวว่า
«لا تَقُولُوا مَا شَاءَ اللهُ وَشَاءَ فُلانٌ وَلَكِنْ قُولُوا مَا شَاءَ اللهُ ثُمَّ مَا شَاءَ فُلان». أخرجه أحمد وأبو داود صحيح/ أخرجه أحمد برقم (2354)، انظر السلسلة الصحيحة رقم (137)، وأخرجه أبو داود برقم (4980)، واللفظ له.
ความว่า : พวกท่านจงอย่ากล่าวว่า “มาชาอัลลอฮฺ วะชาอะ ฟุลาน" (อัลลอฮฺทรงประสงค์และคนนั้นก็ต้องการ) แต่จงกล่าวว่า “มาชาอัลลอฮฺ ษุมมะ มาชาอะ ฟุลาน" (อัลลอฮฺทรงประสงค์จากนั้นคนนั้นก็ต้องการ)" (หะดีษเศาะฮีหฺ รายงานโดยอะหฺมัด หมายเลข 3354 ดู อัสสิลสิละฮฺ อัศเศาะฮีหะฮฺ หมายเลข 137 และรายงานโดยอบู ดาวูดตามสำนวนนี้ หมายเลข 4980)
ชิริกเล็กอาจจะแปรเป็นชิริกใหญ่ตามสถานภาพของจิตใจผู้กระทำ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงจากชิริกทุกประเภทโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก เพราะชิริกเป็นบาปใหญ่ที่อัลลอฮฺจะไม่ทรงประทานอภัยโทษให้ดังที่พระองค์ได้ตรัสว่า
(ﮢ ﮣ ﮤ ﮥ ﮦ ﮧ ﮨ ﮩ ﮪ ﮫ ﮬ ﮭ ﮮ ﮯ) [النساء/48].
ความว่า : แท้จริง อัลลอฮฺนั้นจะไม่ทรงอภัยโทษสำหรับการกระทำชิริกกับพระองค์และจะทรงอภัยโทษในสิ่งนอกเหนือสิ่งดังกล่าวสำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ (อันนิสาอ์ : 48)
การกระทำหรือคำพูดที่เข้าข่ายชิริก
ยังมีการกระทำหรือคำพูดที่ตกเป็นชิริกใหญ่หรือชิริกเล็กตามสภาพการณ์ของจิตใจผู้กระทำ มันเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับเตาฮีด หรือสร้างความขุ่นมัวให้กับเตาฮีด ซึ่งอิสลามได้กระชับเตือนไม่ให้กระทำ เช่น
1- การผูกด้ายหรือกำไลที่มือและคอด้วยจุดประสงค์เพื่อป้องกันหรือขจัดภัย สิ่งนี้ถือเป็นชิริก
2- การสวมหรือผูกเครื่องรางหรือยันต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผ้า กระดูก ตัวอักษร เพื่อเป็นเกราะป้องกันภัย ถือเป็นชิริก
3- การเชื่อในลางร้าย กล่าวคือ การเชื่อในลางร้ายไม่ว่าจะเป็นลางของนก คน หรือสถานที่ เป็นต้น สิ่งนี้ถือเป็นชิริก เพราะเขาได้ยึดสิ่งอื่นที่ไม่ใช่อัลลอฮฺว่าสามารถให้คุณให้โทษได้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ชัยฏอนลวงตาเขา มันเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับการตะวักกัลหรือมอบตนให้กับอัลลอฮฺ
4- การเสริมโชคหรือขอความจำเริญและศิริมงคลกับต้นไม้ หิน โบราณสถาน กุโบร์ เป็นต้น ทั้งนี้ การขอความจำเริญและหวังจากสิ่งเหล่านี้ถือเป็นชิริก เพราะเป็นการยึดเหนี่ยวกับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่อัลลอฮฺในการขอความจำเริญและศิริมงคล
5- สิหิรฺ ไสยศาสตร์ หรือ การทำมนต์เสน่ห์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลึกลับ อันประกอบด้วยเครื่องราง มนต์ร่าย บทสวด และประโยคพิสดารที่เป่าปัดแล้วเกิดผลร้ายต่อจิตใจและร่างกายมนุษย์ ทำให้ป่วยหรือตาย หรือทำให้สามีภรรยาแตกแยก สิ่งนี้เป็นงานของซัยฏอน ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องมีการกระทำชิริกเป็นส่วนประกอบหลัก
สิหิรฺ จึงเป็นชิริก เพราะเป็นการยึดเหนี่ยวสิ่งอื่นที่ไม่ใช่อัลลอฮฺ เช่น ยึดเหนี่ยวกับภูตผี เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นการแอบอ้างว่าสามารถล่วงรู้สิ่งลึกลับซ่อนเร้น ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถรู้ได้ยกเว้นแต่เพียงอัลลอฮฺเท่านั้น พระองค์ได้ตรัสว่า
(ﭙ ﭚ ﭛ ﭜ ﭝ ﭞ ﭟ ﭠ ﭡ ) [البقرة / 102].
ความว่า : สุลัยมานนั้นไม่ได้เป็นกาฟิร แต่พวกชัยฏอนต่างหากที่เป็นกาฟิรเพราะไปสอนการทำมนต์เสน่ห์ให้กับมนุษย์ (อัลบะเกาะเราะฮฺ : 102)
6- การดูหมอ ดูดวงโชคชะตา หรือ การแอบอ้างว่าสามารถรู้สิ่งเร้นลับ เช่น รู้ว่าอะไรกำลังจะขึ้นกับโลกด้วยการรับข้อมูลจากชัยฏอน ถือเป็นชิริก เพราะเป็นพึ่งพาผู้อื่นที่ไม่ใช่อัลลอฮฺและเป็นแอบอ้างล่วงรู้สิ่งเร้นลับที่เป็นสิทธิเฉพาะของอัลลอฮฺเท่านั้น
عن أبي هريرة رضي الله عنه عن النبي صلى الله عليه وسلم قال: «مَنْ أَتَى كَاهِناً أَوْ عَرَّافـاً فَصَدَّقَـهُ بِمَا يَـقُـولُ فَقَـدْ كَفَـرَ بِمَا أُنْزِلَ عَلَى مُـحَـمَّدٍ». أخرجه أحمد والحاكم صحيح/ أخرجه أحمد برقم (9536)، وهذا لفظه، وأخرجه الحاكم برقم (15)، انظر إرواء الغليل (2006).
ความว่า : อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮฺ เล่าว่าท่านนบี –ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม-ได้กล่าวว่า “ผู้ใดไปหาหมอดูหรือหมอทำนาย แล้วเขาเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ถือว่าเขาได้ปฏิเสธสิ่งที่ถูกประทานให้กับมุหัมมัด (หมายถึงเขาได้กลายเป็นผู้ปฏิเสธอัลกุรอาน)“ (เศาะฮีหฺ รายงานโดยอะหฺมัดตามสำนวนนี้ หมายเลข 9036 และอัลหากิม หมายเลข 15 ดู อิรฺวาอุลเฆาะลีล หน้า 2006)
7- การทำนายหรือพยากรณ์โชคชะตาด้วยการดูดาว เช่น การอธิบายบอกความผูกพันของดวงดาวกับกระแสลม ฝน การเกิดโรค การตาย การเกิดความร้อน ความเย็น การเปลี่ยนแปลงราคาสินค้า เป็นต้น สิ่งนี้เป็นชิริก เพราะเป็นการแทรกแทรงการบริหารโลกของอัลลอฮฺ และเป็นการแอบอ้างล่วงรู้สิ่งเร้นลับ
8- การขอฝนจากดวงดาว คือ การเชื่อมโยงฝนกับการขึ้นลงของดวงดาว เช่น พูดว่า เราได้รับน้ำฝนเพราะดาวดวงนั้นดวงนี้ โดยการเชื่อมฝนกับดวงดาว ไม่ใช่กับกับอัลลอฮฺ สิ่งนี้เป็นชิริก เพราะการให้ฝนตกเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ ไม่ใช่สิทธิของดวงดาวหรือผู้อื่นใด
9- การพาดพิงความสุขที่ได้รับว่าเป็นเพราะผู้อื่นที่ไม่ใช่อัลลอฮฺ ทั้งนี้ ความสุขทั้งในโลกนี้และโลกอาคิเราะฮฺล้วนแต่มาจากอัลลอฮฺ หากผู้ใดอ้างว่าสิ่งเหล่านี้ได้มาจากผู้อื่น เขาก็ได้ตกเป็นผู้ปฏิเสธหรือชิริกกับอัลลอฮฺ เช่น บอกว่าได้เงินหรือมีพลานามัยดีเพราะคนนั้นคนนี้ บอกว่าเดินทางปลอดภัยทั้งทางบก ทางทะเล ทางอากาศเพราะคนขับหรือกัปตัน บอกว่ามีโชคและพ้นภัยเพราะความพยายามของรัฐบาล คนนั้นคนนี้ หรือเพราะใช้ข้อมูลนั้นความรู้นี้ เป็นต้น ซึ่งความสุขต่างๆ นี้จะต้องเชื่อมโยงกับอัลลอฮฺและต้องขอบคุณพระองค์แต่เพียงผู้เดียว ส่วนบางสิ่งบางอย่างที่มนุษย์กระทำนั้นเป็นเพียงสาเหตุที่อาจจะเกิดหรือไม่เกิดจริงก็ได้ หรืออาจจะให้คุณประโยชน์หรือไม่ให้อะไรก็ได้
อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
(ﯺ ﯻ ﯼ ﯽ ﯾ ﯿ ﰀ ﰁ ﰂ ﰃ ﰄ ﰅ ﰆﰇ) [النحل /53].
ความว่า : และทุกความโปรดปรานที่พวกเจ้าได้รับล้วนแต่มาจากอัลลอฮฺ ครั้นเมื่อความทุกข์ร้ายประสบกับพวกเจ้า พวกเจ้าก็จะคร่ำครวญขอความคุ้มครองจากพระองค์ (อัลนะห์ลฺ : 53)