การลดสายตาลงต่ำ
บทความนี้ถูกแปลเป็นภาษา
หมวดหมู่
Full Description
การลดสายตาลงต่ำ
] ไทย – Thai – تايلاندي [
ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์
แปลโดย : รีมา เพชรทองคำ
ตรวจทานโดย : ซุฟอัม อุษมาน
ที่มา : หนังสือ อัด-ดุร็อรฺ อัล-มุนตะกอฮฺ มิน อัล-กะลีมาต อัล-มุลกอฮฺ
2011 – 1432
﴿غض البصر﴾
« باللغة التايلاندية »
د. أمين بن عبدالله الشقاوي
ترجمة: ريما بيتونكام
مراجعة: صافي عثمان
المصدر: كتاب الدرر المنتقاة من الكلمات الملقاة
2011 – 1432
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
บทที่ 124
การลดสายตาลงต่ำ
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺพระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล ขอความสุขความจำเริญและความศานติจงประสบแด่ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ตลอดจนวงศ์วานและมิตรสหายของท่านโดยทั่วกัน ฉันขอปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงองค์เดียว ไม่มีภาคีใดๆ สำหรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่า มุหัมมัดเป็นบ่าวของอัลลอฮฺและเป็นศาสนทูตของพระองค์
ประการหนึ่งจากฟิตนะฮฺทั้งหลายที่มุสลิมประสบพบเจอในชีวิต คือฟิตนะฮฺเรื่องการมองไปยังเหล่าสตรี เขาจะได้เผชิญหน้ากับฟิตนะฮฺนี้ตามท้องตลาด ถนนหนทาง สถานที่สาธารณะ ตลอดจนหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสารต่างๆ และที่อื่นๆ อีกมากมาย
ท่านอัล-บุคอรียฺ และท่านมุสลิมบันทึกไว้ในตำราเศาะฮีหฺของท่านทั้งสอง ซึ่งหะดีษที่รายงานโดยท่าน อุสามะฮฺ บิน ซัยดฺ ว่า แท้จริงท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«مَا تَرَكْتُ بَعْدِى فِتْنَةً أَضَرَّ عَلَى الرِّجَالِ مِنَ النِّسَاءِ» (البخاري رقم 5067، ومسلم رقم 2740)
ความว่า “ไม่มีฟิตนะฮฺอันใดที่ถูกทิ้งไว้หลังจากฉันเสียชีวิต จะร้ายแรงสำหรับบรรดาผู้ชายมากไปกว่าฟิตนะฮฺในเรื่องผู้หญิง” (อัล-บุคอรียฺ หน้า 1010 หะดีษหมายเลข 5067, มุสลิม หน้า 1095 หะดีษหมายเลข 2740)
และท่านมุสลิมบันทึกไว้ในตำราเศาะฮีหฺของท่าน ซึ่งหะดีษที่รายงานโดย อบู สะอีด อัล-คุดรียฺ ว่า ท่าน นบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«إِنَّ الدُّنْيَا حُلْوَةٌ خَضِرَةٌ، وَإِنَّ اللَّهَ مُسْتَخْلِفُكُمْ فِيهَا فَيَنْظُرُ كَيْفَ تَعْمَلُونَ، فَاتَّقُوا الدُّنْيَا، وَاتَّقُوا النِّسَاءَ، فَإِنَّ أَوَّلَ فِتْنَةِ بَنِى إِسْرَائِيلَ كَانَتْ فِى النِّسَاءِ» (مسلم رقم 2742)
ความว่า “แท้จริงดุนยาเป็นความหอมหวาน สดชื่นรื่นรมย์ และแน่แท้ อัลลอฮฺทรงให้พวกเจ้าเป็นผู้สืบทอดสืบช่วงกันต่อๆ ไปในดุนยา แล้วพระองค์จะทรงมองดูพวกเจ้าว่าพวกเจ้าจะปฏิบัติตนเช่นไร (เชื่อฟังพระองค์ หรือหลงระเริงไปกับดุนยา- ผู้แปล) ดังนั้นพวกเจ้าจงเกรงกลัวดุนยา (โดยปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ ออกห่างจากสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม และอย่ามัวเมากับความเพริดแพร้วของดุนยา- ผู้แปล) และจงระวังเหล่าสตรี แท้จริงฟิตนะฮฺแรกของบนีอิสรออีลที่เกิดขึ้นคือฟิตนะฮฺในเรื่องผู้หญิง” (มุสลิม หน้า 1096 หะดีษหมายเลข 2742)
ข้อเตือนใจบางประการเพื่อเอาชนะฟิตนะฮฺนี้
หนึ่ง พึงเตือนสติตนเองอยู่เสมอ ด้วยดำรัสของอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ที่ทรงสั่งใช้ให้ลดสายตาลงต่ำ และทรงสั่งห้ามไม่ให้มองไปยังสิ่งหะรอม
อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ตรัสว่า
﴿قُل لِّلۡمُؤۡمِنِينَ يَغُضُّواْ مِنۡ أَبۡصَٰرِهِمۡ وَيَحۡفَظُواْ فُرُوجَهُمۡۚ ذَٰلِكَ أَزۡكَىٰ لَهُمۡۚ إِنَّ ٱللَّهَ خَبِيرُۢ بِمَا يَصۡنَعُونَ ٣٠﴾ (النور: ٣٠)
ความว่า “จงกล่าวเถิด(โอ้มุหัมมัด) แก่บรรดามุอ์มิน ให้พวกเขาลดสายตาของพวกเขาลงต่ำ และให้พวกเขารักษาอวัยวะเพศของพวกเขา นั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่งแก่พวกเขา แท้จริง อัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ” (อัน-นูรฺ 30)
ท่านอัล-บุคอรียฺ และท่านมุสลิมบันทึกไว้ในเศาะฮีหฺของท่านทั้งสอง ซึ่งหะดีษที่รายงานโดยอิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา เล่าว่า แท้จริงท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«كُتِبَ عَلَى ابْنِ آدَمَ نَصِيبُهُ مِنَ الزِّنَى مُدْرِكٌ ذَلِكَ لاَ مَحَالَةَ، فَالْعَيْنَانِ زِنَاهُمَا النَّظَرُ، وَالأُذُنَانِ زِنَاهُمَا الاِسْتِمَاعُ، وَاللِّسَانُ زِنَاهُ الْكَلاَمُ، وَالْيَدُ زِنَاهَا الْبَطْشُ، وَالرِّجْلُ زِنَاهَا الْخُطَا، وَالْقَلْبُ يَهْوَى وَيَتَمَنَّى، وَيُصَدِّقُ ذَلِكَ الْفَرْجُ وَيُكَذِّبُهُ» (البخاري رقم 6243، ومسلم رقم 2657)
ความว่า “ลูกหลานของอาดัมถูกกำหนดส่วนของซินาไว้แล้ว เขาต้องพบเจอมันอย่างแน่แท้ (อาจจะเป็นซินาจริงๆ หรือซินาเสมือนก็ได้) ได้แก่ ซินาของดวงตาทั้งสองคือการมอง (มองสิ่งหะรอม) ซินาของหูทั้งสองคือการฟัง (ฟังการซินา หรือฟังสิ่งที่จะพาไปสู่ซินา) ซินาของลิ้นคือคำพูด (คำพูดเกี้ยวพาราสี พูดสิ่งหะรอม) ซินาของมือคือการจู่โจม (เช่นการสัมผัสผู้ไม่ใช่มะห์รอม) ซินาของขาคือการก้าวย่าง (เดินไปสู่ซินา หรือสิ่งที่จะนำพาไปสู่ซินา) ส่วนหัวใจนั้นเอนเอียงและหวังจะทำ (ด้วยการคิดคำนึง) ซึ่งอวัยวะเพศอาจจะเชื่ออวัยวะเหล่านั้น หรืออาจปฏิเสธมัน (ด้วยการทำให้ซินาเกิดขึ้นจริงๆ หรืออาจจะปฏิเสธยับยั้งไม่ให้มันเกิดขึ้นจริง)” (อัล-บุคอรียฺ หน้า 1202 หะดีษหมายเลข 6243, และมุสลิม หน้า 1066 หะดีษหมายเลข 2657)
ท่านมุสลิมบันทึกไว้ในเศาะฮีหฺของท่าน จากหะดีษของญะรีรฺ บิน อับดิลลาฮฺ เล่าว่า
سَأَلْتُ رَسُولَ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم عَنْ نَظَرِ الْفُجَاءَةِ، فَأَمَرَنِى أَنْ أَصْرِفَ بَصَرِي
ความว่า “ฉันถามท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เกี่ยวกับการมองอย่างกะทันหันโดยมิได้ตั้งใจ ท่านนบีจึงสั่งฉันให้ผินหน้าหลบสายตาออกจากมัน” (มุสลิม หน้า 891 หะดีษหมายเลข 2159)
และอีกรายงานหนึ่งบันทึกโดยอบู ดาวูด จากหะดีษของอิบนุ บุร็อยดะฮฺ ซึ่งรายงานมาจากพ่อของเขา เล่าว่า ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวแก่ท่านอะลีว่า
«يَا عَلِيُّ لَا تُتْبِعْ النَّظْرَةَ النَّظْرَةَ فَإِنَّ لَكَ الْأُولَى وَلَيْسَتْ لَكَ الْآخِرَةُ» (أبو داود رقم 2149)
ความว่า “โอ้ อะลีเอ๋ย เจ้าจงอย่ามองซ้ำการมอง (อย่ามองซ้ำอีกครั้ง มองแล้วมองอีก มองไม่หยุด) แท้จริงครั้งแรก (ที่ไม่ได้ตั้งใจ) นั้นอนุโลมสำหรับเจ้า แต่ทว่าครั้งที่สองไม่อนุโลมสำหรับเจ้าอีกแล้ว” (อบู ดาวูด หน้า 244 หะดีษหมายเลข 2149)
สอง พึงตระหนักอยู่เสมอว่า อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ทรงจ้องมองดูเขาอยู่เสมอ และทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำ เพื่อว่าเขาจะได้เกรงกลัวและละอายต่อพระองค์
อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ตรัสว่า
﴿وَلَقَدۡ خَلَقۡنَا ٱلۡإِنسَٰنَ وَنَعۡلَمُ مَا تُوَسۡوِسُ بِهِۦ نَفۡسُهُۥۖ وَنَحۡنُ أَقۡرَبُ إِلَيۡهِ مِنۡ حَبۡلِ ٱلۡوَرِيدِ ١٦﴾ ق: ١٦
ความว่า “และโดยแน่นอน เราได้บังเกิดมนุษย์มา และเรารู้ดียิ่งในสิ่งที่จิตใจของเขากระซิบกระซาบแก่เขา และเรานั้นใกล้ชิดเขายิ่งกว่าเส้นเลือดชีวิตของเขาเสียอีก” (กอฟ 16)
และ
﴿ يَعۡلَمُ خَآئِنَةَ ٱلۡأَعۡيُنِ وَمَا تُخۡفِي ٱلصُّدُورُ ١٩ ﴾ غافر: ١٩
ความว่า “พระองค์ทรงรอบรู้การทรยศของดวงตา (ด้วยการแอบมองสิ่งต้องห้าม) และสิ่งที่ทรวงอกปกปิดอยู่ (ความลับต่างๆ)” (ฆอฟิรฺ 19)
และ
﴿إِنَّ ٱلسَّمۡعَ وَٱلۡبَصَرَ وَٱلۡفُؤَادَ كُلُّ أُوْلَٰٓئِكَ كَانَ عَنۡهُ مَسُۡٔولٗا ٣٦﴾ الإسراء: ٣٦
ความว่า “แท้จริงหู ตา และหัวใจ ทุกสิ่งเหล่านั้นจะถูกสอบสวน” (อัล-อิสรออ์ 36)
และหะดีษซึ่งรายงานจากท่านสะอีด บิน ซัยดฺ เล่าว่า มีชายผู้หนึ่งกล่าวแก่ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า “ขอให้ท่านสั่งเสียฉันหน่อยเถิด” ท่านเราะสูล จึงกล่าวกับเขาว่า
«أُوْصِيْكَ أَنْ تَسْتَحْيِيْ اللهَ عَزَّ وَجَلَّ كَمَا تَسْتَحْيِيْ رَجُلًا صَالِحًا مِنْ قَوْمِكَ» (الأحاديث المختارة برقم 1099، وصححه الألباني في صحيح الجامع الصغير برقم 2541)
ความว่า “ฉันสั่งเสียเจ้า ให้เจ้าละอายต่ออัลลอฮฺ เสมือนกับที่เจ้าละอายต่อชายศอลิหฺคนหนึ่งในหมู่ชนของเจ้า” (บันทึกในหนังสือ อัล-อะหาดีษ อัล-มุคตาเราะฮฺ เล่มที่ 3 หน้า 299 หะดีษหมายเลข 1099, และวินิจฉัยว่าเศาะฮีหฺโดยเชค นาศิรุดดีน อัล-อัลบานียฺ หนังสือ เศาะฮีหฺ อัล-ญามิอฺ อัศ-เศาะฆีรฺ เล่มที่ 1 หน้า 498 หะดีษหมายเลข 2541)
สาม พึงระลึกอยู่เสมอว่า ในวันกิยามะฮฺนั้น ดวงตาทั้งสองของเขาจะเป็นพยานแฉในสิ่งที่เขาเคยมอง
อัลลอฮฺตรัสว่า
﴿حَتَّىٰٓ إِذَا مَا جَآءُوهَا شَهِدَ عَلَيۡهِمۡ سَمۡعُهُمۡ وَأَبۡصَٰرُهُمۡ وَجُلُودُهُم بِمَا كَانُواْ يَعۡمَلُونَ ٢٠ ﴾ فصلت:20
ความว่า “จนกระทั่งเมื่อพวกเขามาถึงนรก หูของพวกเขา ตาของพวกเขา และผิวหนังของพวกเขาก็จะเป็นพยานคัดค้านแฉพวกเขา ตามที่พวกเขาได้กระทำไว้” (ฟุศศิลัต 20)
ท่านมุสลิมบันทึกในเศาะฮีหฺของท่าน จากหะดีษที่รายงานโดยท่านอะนัส เล่าว่า
كُنَّا عِنْدَ رَسُولِ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- فَضَحِكَ، فَقَالَ: «هَلْ تَدْرُونَ مِمَّ أَضْحَكُ؟». قَالَ قُلْنَا : اللَّهُ وَرَسُولُهُ أَعْلَمُ. قَالَ: «مِنْ مُخَاطَبَةِ الْعَبْدِ رَبَّهُ، يَقُولُ يَا رَبِّ أَلَمْ تُجِرْنِي مِنَ الظُّلْمِ، قَالَ : يَقُولُ بَلَى. قَالَ: فَيَقُولُ فَإِنِّي لاَ أُجِيزُ عَلَى نَفْسِي إِلاَّ شَاهِدًا مِنّي، قَالَ: فَيَقُولُ كَفٰى بِنَفْسِكَ الْيَوْمَ عَلَيْكَ شَهِيدًا، وَبِالْكِرَامِ الْكَاتِبِينَ شُهُودًا، قَالَ : فَيُخْتَمُ عَلَى فِيهِ فَيُقَالُ لِأَرْكَانِهِ انْطِقِى. قَالَ فَتَنْطِقُ بِأَعْمَالِهِ، قَالَ : ثُمَّ يُخَلَّى بَيْنَهُ وَبَيْنَ الْكَلاَمِ، قَالَ : فَيَقُولُ بُعْدًا لَكُنَّ وَسُحْقًا. فَعَنْكُنَّ كُنْتُ أُنَاضِلُ» (مسلم برقم 2969)
ความว่า “ครั้งหนึ่งพวกเราอยู่กับท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านหัวเราะ พลางกล่าวว่า “พวกท่านทราบไหมว่า เหตุใดฉันจึงหัวเราะ” พวกเราตอบว่า อัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์เท่านั้นที่ทราบยิ่ง ท่านเราะสูลจึงกล่าวว่า “ฉันหัวเราะบทสนทนาของบ่าวกับพระเจ้าของเขา (ในวันกิยามะฮฺ) เมื่อบ่าวกล่าวว่า “โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ท่านมิได้ทรงปกป้องข้าพระองค์จากความอธรรมดอกหรือ” (พระองค์ท่านมิได้ทรงสัญญาไว้ดอกหรือว่าจะไม่อธรรมต่อบ่าว) พระองค์ทรงตอบว่า “หามิได้ ข้ามิได้อธรรมต่อเจ้าดอก” เขากล่าวว่า “ฉะนั้นแล้ว ข้าพระองค์จะไม่อนุญาตให้ผู้ใดมาเป็นพยานต่อตัวข้าพระองค์ยกเว้นจากข้าพระองค์เอง (จะยอมรับแต่พยานที่มาจากประเภทเดียวกัน คือมนุษย์ด้วยกัน) พระองค์กล่าวว่า “เพียงพอแล้วที่ตัวเจ้า และ มะลาอิกะตุลกิรอม ผู้จดบันทึกจะเป็นพยานต่อตัวเจ้า (พยานที่ยุติธรรม)” ทันใดนั้นปากของเขาก็ถูกปิดผนึก และมีเสียงกล่าวแก่อวัยวะต่างๆ ของร่างกายเขาว่า “จงพูด” และอวัยวะเหล่านั้นก็พูดเล่าถึงการงานต่างๆ เขาที่เคยปฏิบัติไว้ หลังจากนั้นปากของเขาและตัวเขาก็ถูกปล่อยไว้ (กลับมาพูดได้ปกติ) เขาจึงกล่าวกับอวัยวะต่างๆของเขาว่า “จงพินาศไป จงออกห่างไปไกลเลย แท้จริงฉันนั้นเคยต่อสู้ปกป้องพวกเจ้า (แล้วทำไมพวกเจ้าจึงมาแฉฉัน)” (มุสลิม หน้า 1191 หะดีษหมายเลข 2969)
สี่ พึงรำลึกอยู่เสมอถึงประโยชน์ และผลพลอยได้จากการลดสายตาลงต่ำ
ท่านอิบนุล ก็อยยิม กล่าวว่า ประโยชน์บางประการของการลดสายตาลงต่ำคือ
- การลดสายตาลงต่ำ เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ซึ่งเป็นสาเหตุของสุดยอดความสุขของมุอ์มิน ไม่ว่าจะในชีวิตดุนยาของเขา หรืออาคิเราะฮฺของเขา
อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ตรัสว่า
﴿وَمَن يُطِعِ ٱللَّهَ وَرَسُولَهُۥ فَقَدۡ فَازَ فَوۡزًا عَظِيمًا ٧١﴾ الأحزاب: ٧١
ความว่า “และผู้ใดเชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์ แน่นอนเขาประสบความสำเร็จอันใหญ่หลวง” (อัล-อะห์ซาบ 71)
- การลดสายตาลงต่ำ เป็นสิ่งขัดขวางไม่ให้อันตรายของศรอาบพิษปักลงบนหัวใจเขาได้ มิเช่นนั้นแล้วศรนั้นก็จะทำลายหัวใจของเขาให้พินาศลง (เปรียบการล่อลวงของชัยฏอน ด้วยวิธีการต่างๆนานา ที่จะทำให้เขาหลงจมในวังวนของตัณหา เปรียบเช่นกับธนูหรือลูกศรอาบพิษ - ผู้แปล)
นักกวีท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า
كم نظرة فتك في قلب صاحبها
فتك السهام بلا قوس ولا وتر
“กี่มากน้อยแล้วที่การมองทำให้หัวใจถูกเล่นงาน
ถูกศรอาบพิษสังหารโดยปราศจากคันและสายธนู”
- การลดสายตาลงต่ำทำหัวใจมีสุข ทำให้สบายอกสงบใจ และทำให้ได้รับความสุขสดชื่น ซึ่งการมองไปยังสิ่งหะรอมไม่สามารถให้ความรู้สึกเช่นนี้ได้เลย ทั้งนี้เพราะเขาจะรู้สึกว่าเขาได้เอาชนะศัตรูของเขา (ชัยฏอน) และมีอำนาจเหนือตัณหาความต้องการของเขา
ท่านอิมามอะห์มัดบันทึกไว้ในหนังสือมุสนัดของท่าน ซึ่งหะดีษที่รายงานจาก อบู เกาะตาดะฮฺ และ อบู อัด-ดะฮฺมาอ์ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«إِنَّكَ لَنْ تَدَعَ شَيْئًا لِلَّهِ عَزَّ وَجَلَّ، إِلَّا بَدَّلَكَ اللَّهُ بِهِ مَا هُوَ خَيْرٌ لَكَ مِنْهُ» (مسند أحمد 5/363)
ความว่า “แท้จริง หากว่าท่านละทิ้งสิ่งใดเพื่ออัลลอฮฺ พระองค์จะทรงทดแทนให้ท่านซึ่งสิ่งที่ดียิ่งกว่า” (อัล-มุสนัด เล่มที่ 5 หน้า 363)
- การลดสายตาลงต่ำทำให้หัวใจมีรัศมี ตรงข้ามกับการมองไปยังสิ่งหะรอมซึ่งทำให้หัวใจมืดมน ดังกล่าวนั้น อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ตรัสไว้ในสูเราะฮฺอัน-นูรว่า
﴿قُل لِّلۡمُؤۡمِنِينَ يَغُضُّواْ مِنۡ أَبۡصَٰرِهِمۡ وَيَحۡفَظُواْ فُرُوجَهُمۡۚ ذَٰلِكَ أَزۡكَىٰ لَهُمۡۚ إِنَّ ٱللَّهَ خَبِيرُۢ بِمَا يَصۡنَعُونَ ٣٠﴾ النور: ٣٠
ความว่า “(โอ้มุหัมมัด) จงกล่าวเถิดแก่บรรดามุอ์มิน ให้พวกเขาลดสายตาของพวกเขาลงต่ำ และให้พวกเขารักษาอวัยวะเพศของพวกเขา นั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่งแก่ พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ” (อัน-นูรฺ 30)
หลังจากนั้น พระองค์ตรัสว่า
﴿ٱللَّهُ نُورُ ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَٱلۡأَرۡضِۚ مَثَلُ نُورِهِۦ كَمِشۡكَوٰةٖ فِيهَا مِصۡبَاحٌۖ﴾ النور: ٣٥
ความว่า “อัลลอฮฺทรงเป็นดวงประทีปแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน อุปมัยดวงประทีปของพระองค์ อุปมาดังช่องตามผนังที่มีตะเกียง” (อัน-นูรฺ 35)
ความหมายคือ เป็นการเปรียบเทียบรัศมีของพระองค์อัลลอฮฺในหัวใจบ่าวมุอ์มินของพระองค์ ผู้ซึ่งปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของพระองค์ และออกห่างจากสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม และเมื่อรัศมีปกคลุมหัวใจแล้วไซร้ ความดีงามต่างๆ ก็จะมุ่งหน้ามาหาเขาจากทุกหนทุกแห่ง แต่ถ้าหากความมืดมนครอบงำหัวใจแล้วไซร้ ความชั่วร้าย และเมฆหมอกของความทุกข์ยาก ก็จะมุ่งหน้ามาหาเขาจากทุกหนทุกแห่งเฉกกัน (ดู อัด-ดาอ์ วะ อัด-ดะวาอ์ หน้า 158)
ห้า การแต่งงานเป็นการรักษาเยียวยาที่ยังประโยชน์ที่สุด และเป็นวัคซีนป้องกันจากภัยร้ายของฟิตนะฮฺนี้
ท่านอัล-บุคอรียฺ และท่านมุสลิมบันทึกไว้ในเศาะฮีหฺของทั้งสอง จากหะดีษรายงานโดยท่านอับดุลลอฮฺ บิน มัสอูด ซึ่งเล่าว่า ท่านนบีมุหัมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«يَا مَعْشَرَ الشَّبَابِ، مَنِ اسْتَطَاعَ مِنْكُمُ الْبَاءَةَ فَلْيَتَزَوَّجْ، فَإِنَّهُ أَغَضُّ لِلْبَصَرِ وَأَحْصَنُ لِلْفَرْجِ» (البخاري برقم 5066، ومسلم برقم 1400)
ความว่า “โอ้คนหนุ่มทั้งหลายเอ๋ย ผู้ใดในหมู่พวกเจ้ามีความสามารถที่จะแต่งงานได้ จงแต่งงานเถิด แท้จริงการแต่งงานนั้น เป็นการดีที่สุดในการทำให้สายตาลดต่ำ (เป็นการป้องกันที่ดีที่สุดให้พ้นจากมองสิ่งหะรอม) และเป็นการดีที่สุดในการปกปักรักษาอวัยวะเพศ (และเป็นการป้องกันที่ดีที่สุดให้พ้นจากการทำซินา)” (อัล-บุคอรียฺ หน้า 1005 หะดีษหมายเลข 5066, มุสลิม หน้า 549 หะดีษหมายเลข 1400)
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ให้พ้นจากความชั่วร้ายแห่งสายตา ซึ่งเป็นบ่อกำเนิดของการมองไปยังความชั่วร้ายทั้งหลายทั้งปวง ดังกล่าวนั้น ท่านอัล-บุคอรียฺ บันทึกไว้ในหนังสือ อัล-อะดับ อัล-มุฟร็อด ซึ่งหะดีษที่รายงานจากท่านชะกัลฺ บิน หุมัยดฺ ว่า
قَالَ : قُلْتُ يَا رَسُولَ اللَّهِ عَلِّمْنِي دُعَاءً أَنْتَفِعُ بِهِ، قَالَ : قُلْ «اللهم عَافِنِيْ مِنْ شَرِّ سَمْعِي، وَبَصَرِي، وَلِسَانِي، وَقَلْبِي، وَشَرِّ مَنِيِّي» (البخاري في الأدب المفرد برقم 663، وأبو داود برقم 1551، وصححه الألباني في صحيح الأدب المفرد 515)
ความว่า ท่านชะกัลฺ บิน หุมัยดฺ เล่าว่า “ฉันกล่าวแก่ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮฺ โปรดสอนดุอาอ์ให้ฉันสักบทหนึ่ง ที่ฉันจะได้ประโยชน์จากดุอาอ์นั้นด้วยเถิด” ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “เจ้าจงกล่าวว่า “โอ้อัลลอฮฺ ขอพระองค์ทรงโปรดให้ข้าพระองค์รอดพ้นปลอดภัยจากความชั่วร้ายแห่งการได้ยินของข้าพระองค์ แห่งสายตาของข้าพระองค์ แห่งลิ้นของข้าพระองค์ แห่งหัวใจของข้าพระองค์ และแห่งอสุจิของข้าพระองค์ (การทำซินา การละเมิดศีลธรรม) ด้วยเถิด” (บันทึกในอัล-อะดับ อัล-มุฟร็อด หะดีษหมายเลข 663, อบู ดาวูด หน้า 183 หะดีษหมายเลข 1551, และเศาะฮีหฺ อัล-อะดับ อัล-มุฟร็อด โดย อัล-อัลบานียฺ หะดีษหมายเลข 151)
ความหมายของคำว่า “สายตาของข้าพระองค์” คือ เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้ไม่มองไปยังสิ่งหะรอม และในหะดีษนี้บ่งชี้ถึง การพึ่งพิงขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ เพื่อให้รอดพ้นจากความชั่วร้ายที่เกิดจากการได้ยิน สายตา ลิ้น หัวใจ และอสุจิ และให้ได้รับความปลอดภัยจากการใช้พวกมันไปในทางที่ผิด เพราะประสาทสัมผัสและอวัยวะเหล่านี้ถูกสร้างมาสำหรับการฏออะฮฺเชื่อฟังอัลลอฮฺเท่านั้น
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺพระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล ขอความสุขความจำเริญและความศานติจงประสบแด่ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ตลอดจนวงศ์วานและมิตรสหายของท่านโดยทั่วกัน