×
อธิบายถึงประเภทของหญิงที่ถูกห้ามไม่ให้แต่งงานด้วย เหตุแห่งการต้องห้ามของผู้หญิงที่ถูกห้ามมิให้แต่งงานด้วย สรุปกฎในการห้ามเนื่องด้วยสายโลหิต หุก่มทาสหญิงที่ให้กำเนิดบุตรแก่เจ้านายของนาง ภรรยาที่สามีหายสาบสูญ การแต่งงานกับผู้ที่ไม่ละหมาด จากหนังสือมุคตะศ็อร อัลฟิกฮิล อิสลามีย์

    ผู้หญิงที่ถูกห้ามไม่ให้แต่งงานด้วย

    ﴿المحرمات في النكاح﴾

    ] ไทย – Thai – تايلاندي [

    มุหัมมัด อิบรอฮีม อัต-ตุวัยญิรีย์

    แปลโดย : ริซัลย์ สะอะ

    ผู้ตรวจทาน : ซุฟอัม อุษมาน

    แหล่งอ้างอิง : หนังสือมุคตะศ็อร อัล-ฟิกฮิล อิสลามีย์

    2009 - 1430

    ﴿المحرمات في النكاح﴾

    « باللغة التايلاندية »

    محمد بن إبراهيم التويجري

    ترجمة: ريزال أحمد

    مراجعة: صافي عثمان

    المصدر : كتاب مختصر الفقه الإسلامي

    2009 - 1430

    ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ

    ผู้หญิงที่ถูกห้ามไม่ให้แต่งงานด้วย

    ผู้หญิงที่ชายต้องการแต่งงานด้วยนั้นมีเงื่อนไขว่า นางต้องไม่ใช่ผู้หญิงที่หะรอมสำหรับชายคนนั้น

    เหตุแห่งการต้องห้ามของผู้หญิงที่ถูกห้ามมิให้แต่งงานด้วย

    เหตุแห่งการต้องห้ามมีสองประเภทคือ

    1. การห้ามอย่างถาวร ซึ่งมีสามประการ

    1.1 ห้ามอันเนื่องด้วยสายโลหิต คือ 1) แม่และผู้ที่ถือว่ามีฐานะเดียวกันในชั้นที่สูงกว่าของตระกูล (เช่น ย่า ยาย ทวด) 2) และลูกสาวและผู้ที่ถือว่ามีฐานะเดียวกันในชั้นล่างลงไปของเชื้อสาย(เช่นหลานสาว เหลนสาว) 3)พี่สาวน้องสาว 4) พี่สาวและน้องสาวของพ่อ 5) พี่สาวและน้องสาวของแม่ 6) ลูกสาวของพี่ชายน้องชาย 7) ลูกสาวของพี่สาวน้องสาว

    1.2 ห้ามอันเนื่องด้วยการร่วมน้ำนม ซึ่งถูกห้ามเหมือนกับการห้ามด้วยสายโลหิต หญิงทุกคนที่ร่วมน้ำนมซึ่งมีฐานะเหมือนหญิงที่ถูกห้ามเนื่องด้วยสายโลหิต จะถูกห้ามเหมือนเป็นกรณีเดียวกัน (ตัวอย่างเช่น พี่สาวจากการร่วมน้ำนมก็มีหุก่มเหมือนกับพี่สาวจากสายโลหิต คือแต่งงานกันไม่ได้) เว้นแต่แม่ของพี่น้องร่วมน้ำนมของเขา หรือพี่สาวน้องสาวของลูกชายจากการดื่มนม(หมายถึง เด็กชายไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเขา แต่ได้ดื่มนมจากภรรยาของเขา) ซึ่งพวกนางจะไม่ถูกห้ามสำหรับเขา

    และการดื่มนมที่ทำให้ห้ามแต่งงานนั้นคือการดื่มห้าครั้งขึ้นไป

    1.3 ห้ามอันเนื่องด้วยความเกี่ยวดองกันเป็นเครือญาติ คือ 1) แม่ของภรรยา 2) ลูกสาวของภรรยาที่เกิดจากสามีอื่นในกรณีที่เขา(สามีใหม่)ได้มีเพศสัมพันธ์กับแม่ของนางแล้ว 3) ภรรยาของพ่อ 4) ภรรยาของลูก

    สรุปแล้ว หญิงที่ห้ามเนื่องจากสายโลหิตนั้นมีเจ็ดจำพวก และห้ามเนื่องจากน้ำนมก็มีเจ็ดจำพวกเช่นเดียวกัน และห้ามเนื่องจากความสัมพันธ์เกี่ยวดองกันอีกสี่จำพวก

    ดังคำตรัสของพระองค์อัลลอฮฺที่ว่า

    (ﮃ ﮄ ﮅ ﮆ ﮇ ﮈ ﮉ ﮊ ﮋ ﮌ ﮍ ﮎ ﮏ ﮐ ﮑ ﮒ ﮓ ﮔ ﮕ ﮖ ﮗ ﮘ ﮙ ﮚ ﮛ ﮜ ﮝ ﮞ ﮟ ﮠ ﮡ ﮢ ﮣ ﮤ ﮥ ﮦ ﮧ ﮨ ﮩ ﮪ ﮫ ﮬ ﮭ ﮮ ﮯ ﮰ ﮱ ﯓ ﯔ ﯕ ﯖ ﯗ ﯘ ﯙ ﯚ ﯛ) [النساء/23].

    ความว่า “ได้ถูกห้ามแก่พวกเจ้านั้นคือมารดาของพวกเจ้า ลูกหญิงของพวกเจ้า พี่น้องหญิงของพวกเจ้า พี่น้องหญิงแห่งบิดาของพวกเจ้า และพี่น้องหญิงแห่งมารดาของพวกเจ้า บุตรหญิงของพี่หรือน้องชายของพวกเจ้า บุตรหญิงของพี่หรือน้องหญิงของพวกเจ้า และมารดาของพวกเจ้าที่ให้นมแก่พวกเจ้า และพี่น้องหญิงของพวกเจ้าเนื่องจากการดื่มนม และมารดาภรรยาของพวกเจ้า และลูกเลี้ยงของพวกเจ้าที่อยู่ในตักของพวกเจ้าจากภรรยาของพวกเจ้าที่พวกเจ้าได้สมสู่นาง แต่ถ้าพวกเจ้ามิได้สมสู่นางแล้วก็ไม่มีบาปใด ๆ แก่พวกเจ้า และภรรยาของบุตรพวกเจ้าที่มาจากเชื้อสายของพวกเจ้า และการที่พวกเจ้ารวมระหว่างหญิงสองพี่น้องไว้ด้วยกัน นอกจากที่ได้ผ่านพ้นไปแล้วเท่านั้น แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยผู้เมตตาเสมอ” (อัน-นิสาอ์ 23)

    ดังนั้นสาเหตุที่ห้ามอย่างถาวรมีสามประการ คือการสืบสายโลหิต การร่วมดื่มนม และการมีสัมพันธ์เกี่ยวดองกันเป็นเครือญาติ

    สรุปกฎในการห้ามเนื่องด้วยสายโลหิต

    ญาติผู้หญิงทุกคนของชายที่สืบสายโลหิตเดียวกันเป็นที่ต้องห้ามสำหรับเขา เว้นแต่ลูกพี่ลูกน้องของเขาที่เป็นผู้หญิงทุกคน นั่นคือ 1) ลูกสาวของลุงหรืออาชายซึ่งเป็นพี่น้องกับพ่อ 2) ลูกสาวของป้าหรืออาหญิงซึ่งเป็นพี่น้องกับพ่อ 3) ลูกสาวของลุงหรือน้าชายซึ่งเป็นพี่น้องกับแม่ 4) ลูกสาวของป้าหรือน้าสาวซึ่งเป็นพี่น้องกับแม่ ทั้งสี่จำพวกนี้เป็นที่อนุญาตให้เขาแต่งงานด้วย

    2. การห้ามเฉพาะในช่วงระยะเวลาที่กำหนดแน่นอน

    2.1 ห้ามรวมเอาสองพี่น้องเป็นภรรยาในเวลาเดียวกัน และระหว่างผู้หญิงคนหนึ่งกับป้าหรือน้าของนางที่ร่วมสายโลหิตเดียวกันหรือร่วมแม่นมเดียวกัน จะเป็นที่อนุมัติก็ต่อเมื่อหย่าร้างกันกับคนใดคนหนึ่งระหว่างพวกนางแล้ว หรือคนใดคนหนึ่งระหว่างพวกนางได้เสียชีวิตไป

    2.2 หญิงที่อยู่ในอิดดะฮฺ ไม่อนุญาตให้แต่งงานกับนางจนกว่านางจะออกจากอิดดะฮฺ

    2.3 หญิงที่เขาถูกหย่าขาดสามครั้ง จนกว่านางจะแต่งงานกับชายคนใหม่แล้วหย่าขาดจากสามีคนที่สอง จากนั้นก็มาคืนดีกับเขาอีกครั้ง

    2.4 หญิงที่ครองอิห์รอมเพื่อทำหัจญ์หรืออุมเราะฮฺ จนกว่านางจะออกจากการครองอิห์รอม

    2.5 หญิงมุสลิมเป็นที่ต้องห้ามสำหรับชายที่ไม่ใช่มุสลิมจนกว่าเขาจะรับอิสลาม

    2.6 หญิงที่ไม่ใช่มุสลิมนอกจากหญิงชาวคัมภีร์ เป็นที้ต้องห้ามสำหรับชายมุสลิมจนกว่านางจะนับถือศาสนาอิสลาม

    2.7 ภรรยาของผู้อื่น และผู้ที่อยู่ในอิดดะฮฺของผู้อื่น เว้นแต่ทาสหญิงของเขา

    2.8 หญิงที่ผิดประเวณี เป็นที่ต้องห้ามสำหรับผู้ชายที่ผิดประเวณีกับนาง(ห้ามแต่งงานด้วย) และเป็นที่ต้องห้ามสำหรับชายคนอื่นๆ จนกว่านางจะขออภัยโทษและพ้นช่วงอิดดะฮฺของนางไปแล้ว

    ผู้หญิงที่กล่าวถึงมาทั้งหมดนี้ห้ามมิให้แต่งงานด้วย จนกว่าสาเหตุแห่งการห้ามนั้นจะหมดไป

    - ห้ามพ่อแต่งงานกับลูกสาวของตนที่ได้จากการผิดประเวณี และห้ามแม่แต่งงานกับลูกชายของตนที่ได้จากการผิดประเวณีเช่นกัน

    - ห้ามทาสชายแต่งงานกับนายหญิงของเขา หรือเจ้านายแต่งงานกับทาสหญิงของเขาเอง เพราะทาสหญิงเป็นที่ครอบครองของเจ้านาย และหญิงใดที่ถูกที่ห้ามมีเพศสัมพันธ์ด้วยการแต่งงาน(หญิงแปดจำพวกที่กล่าวข้างต้น) ก็จะถูกห้ามมีเพศสัมพันธ์ด้วยการถือครองเป็นทาส(หมายความว่าถ้าหญิงแปดจำพวกดังกล่าวเป็นทาส ก็ห้ามเขามีเพศสัมพันธ์กับพวกนางด้วยเช่นกัน) เว้นแต่ทาสหญิงที่เป็นชาวคัมภีร์ซึ่งไม่อนุญาตให้แต่งงานกับนาง แต่อนุญาตให้มีเพศสัมพันธ์กับนางได้ในฐานะที่นางเป็นทาสของเขา และในบทบัญญัติทางศาสนานั้นไม่อนุญาตให้มีเพศสัมพันธ์กับหญิงคนหนึ่งคนใด เว้นแต่ด้วยการแต่งงานหรือการที่นางเป็นทาสของเขาเท่านั้น

    หุก่มทาสหญิงที่ให้กำเนิดบุตรแก่เจ้านายของนาง

    ทาสหญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับเจ้านาย แล้วให้กำเนิดบุตรแก่เขา อนุญาตให้มีเพศสัมพันธ์กับนาง และใช้ หรือจ้างนางได้เหมือนกับทาสทั่วไป แต่ไม่อนุญาตให้ขาย มอบ หรืออุทิศนาง แก่คนอื่นได้ เสมือนว่านางนั้นเป็นไท(ในกรณีทั้งสามนี้) และจะนับอิดดะฮฺของนางด้วยการมาประจำเดือนเพียงครั้งเดียว เพื่อที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของมดลูกของนาง

    เงื่อนไขการแต่งงานที่ตั้งเองโดยไม่ขัดกับบัญญัติทางศาสนา

    ถ้าฝ่ายหญิงหรือผู้ปกครองของนางกำหนดเงื่อนไขไม่ให้เจ้าบ่าวแต่งงานกับคนหญิงอื่นเป็นภรรยาน้อย หรือกำหนดไม่ให้เขาไล่นางออกจากบ้านหรือประเทศของนาง หรือกำหนดให้เพิ่มค่าสินสอดแก่นาง และเงื่อนไขอื่นๆ ที่ไม่ขัดกับความถูกต้องในพิธีแต่งงาน ถือว่าเงื่อนไขนั้นใช้ได้ ถ้าเขาไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าว เป็นสิทธิของฝ่ายหญิงที่จะยกเลิกการแต่งงานได้หากนางต้องการ

    ภรรยาที่สามีหายสาบสูญ

    ถ้าหญิงที่มีสามีหายสาบสูญไป แล้วนางก็แต่งงานใหม่ ถ้าหากสามีคนแรกกลับมาก่อนที่สามีคนที่สองจะมีเพศสัมพันธ์กับนาง ก็ถือว่านางเป็นสิทธิของสามีคนแรก

    แต่ถ้าหากสามีคนแรกกลับมาหลังจากที่สามีคนที่สองมีเพศสัมพันธ์กับนางแล้ว สามีคนแรกมีสิทธิจะเอานางคืนมาเป็นภรรยาโดยที่ไม่ต้องรอให้สามีคนที่สองทำการหย่ากับนาง และสามีคนแรกสามารถมีเพศสัมพันธ์กับนางได้ก็ต่อเมื่อพ้นอิดดะฮฺของนางไปแล้ว

    หรือสามีคนแรกอาจจะปล่อยนางให้เป็นภรรยากับสามีคนที่สองได้ โดยสามารถเอาสินสอดของเขาคืนมาจากสามีคนที่สองของนาง

    การแต่งงานกับผู้ที่ไม่ละหมาด

    - ถ้าสามีของนางไม่ดำรงการละหมาด นางก็ไม่อนุญาตให้อยู่กับสามีได้ และห้ามสามีของนางมีเพศสัมพันธ์กับนาง เพราะการละทิ้งการละหมาดนั้นเป็นการปฏิเสธศรัทธา และชายที่ปฏิเสธการศรัทธาไม่สามารถจะครอบครองหญิงมุสลิมได้ และถ้านางได้ละทิ้งการละหมาด และไม่ขออภัยโทษต่อพระองค์ จำเป็นสำหรับสามีของนางต้องแยกจากนาง เพราะนางได้เป็นผู้ที่ปฏิเสธการศรัทธา

    - ถ้าสองคู่บ่าวสาวไม่ดำรงการละหมาดในขณะทำการแต่งงานกัน การแต่งงานนั้นถือว่าใช้ได้ แต่ถ้าเจ้าสาวดำรงการละหมาดส่วนเจ้าบ่าวนั้นไม่ดำรงการละหมาดในขณะทำการแต่งงาน หรือเจ้าสาวไม่ดำรงการละหมาดส่วนเจ้าบ่าวนั้นดำรงการละหมาด แล้วทั้งสองได้ทำการแต่งงานกันในสภาพนั้น (คือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ดำรงการละหมาดในขณะที่แต่งงานกัน) เมื่อทั้งสองได้รับทางนำและกลับตัวกลับใจ (คือกลับมาละหมาดทั้งคู่) จำเป็นต้องทำพิธีแต่งงานกันใหม่ อันเนื่องมาจากว่ามีคนหนึ่งระหว่างทั้งสองคนนั้นเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาในขณะที่ทำพิธีแต่งงาน

    - การแต่งงานกับหญิงคนหนึ่งในอิดดะฮฺของพี่สาวหรือน้องสาวของนาง (หมายถึง หย่ากับภรรยาแล้วแต่งงานกับพี่สาวหรือน้องสาวของภรรยาในช่วงอิดดะฮฺ) ซึ่งเป็นอิดดะฮฺจากการหย่าที่สามารถคืนดีกันได้ การแต่งงานนั้นถือว่าเป็นโมฆะ และถ้าหากเป็นอิดดะฮฺจากการหย่าขาด การแต่งงานนั้นถือว่าหะรอม