×
อธิบายความหมายและหุก่มของการเช่า-จ้าง เคล็ดลับการบัญญัติการเช่า-จ้าง ประเภทของการเช่า-จ้าง เงื่อนไขของการเช่า-จ้าง หุก่มการให้เช่าต่อในสิ่งที่เช่า สภาพของการจ่ายค่าเช่า-จ้างตามปกติวิสัย วาญิบต้องจ่ายค่าเช่า-จ้างเมื่อใด หุก่มการขายสิ่งที่ให้เช่า หุก่มของการชดใช้ในสิ่งที่ถูกเช่า หุก่มการรับค่าจ้างจากการทำอะมัลหรืออิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ หุก่มการทำงานเป็นลูกจ้างคนกาฟิรของมุสลิม หุกมการจ้าง-ให้เช่าแก่คนที่ทำสิ่งต้องห้าม หุก่มการจ่ายค่าชดเชยเพื่อแลกกับการขอยกเลิกให้เช่า หุก่มการกำหนดเงื่อนไขการลงโทษหรือปรับ จากหนังสือมุคตะศ็อร อัลฟิกฮิล อิสลามีย์

    อัล-อิญาเราะฮฺ การเช่าหรือการจ้าง

    ﴿الإجارة﴾

    ] ไทย – Thai – تايلاندي [

    มุหัมมัด อิบรอฮีม อัต-ตุวัยญิรีย์

    แปลโดย : อิสมาน จารง

    ผู้ตรวจทาน : อุษมาน อิดรีส

    ที่มา : หนังสือมุคตะศ็อร อัลฟิกฮิล อิสลามีย์

    2009 - 1430

    ﴿الإجارة﴾

    « باللغة التايلاندية »

    محمد بن إبراهيم التويجري

    ترجمة: عثمان جارونج

    مراجعة: عثمان إدريس

    مصدر : كتاب مختصر الفقه الإسلامي

    2009 - 1430

    ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ

    อัล-อิญาเราะฮฺ (การเช่าหรือการจ้าง)

    การเช่า-การจ้าง คือข้อตกลงในผลประโยชน์ที่ศาสนาอนุมัติ มีความแน่นอน มีกำหนดเวลาที่แน่นอน ด้วยค่าตอบแทนที่แน่นอน

    หุกมของการเช่า-จ้าง

    การเช่า-จ้าง เป็นข้อตกลงผูกมัดระหว่างสองฝ่าย มีผลด้วยทุกคำพูดที่บ่งชี่ถึงการเช่า-จ้าง เช่น ฉันจ้างท่าน ฉันให้เช่าแก่ท่าน และอื่นๆ ที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ

    เคล็ดลับการบัญญัติการเช่า-จ้าง

    การเช่า-จ้างเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างเพื่อนมนุษย์ เพราะมนุษย์จำเป็นต่อผู้ชำนาญด้านงานฝีมือเพื่อทำงาน บ้านเพื่ออยู่อาศัย สัตว์ รถ เครื่องมือต่าง และอื่นๆ เพื่อการบรรทุก ขับขี่ และใช้ประโยชน์ ดังนั้นอัลลอฮฺจึงอนุญาตให้มีการเช่า-จ้างเพื่ออำนวยความสะดวกแก่มนุษย์ และได้ดำเนินการในความต้องการของพวกเขา โดยใช้เงินเพียงเล็กน้อยพร้อมกับการได้ประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย (มวลการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺ ที่ได้บัญญัติสิ่งเหล่านี้)

    ประเภทของการเช่า-จ้าง

    การเช่า-การจ้างมี 2 ประเภท

    1. การเช่าวัตถุที่แน่นอน เช่นฉันให้ท่านเช่าบ้านหลังนี้ หรือรถคันนี้ ด้วยค่าเช่าจำนวนเท่านี้

    2. การจ้างให้ทำงานที่แน่นอน เช่นจ้างคนๆ หนึ่งให้ก่อผนัง หรือไถดิน เป็นต้น

    เงื่อนไขของการเช่า-จ้าง

    การเช่า-จ้างที่ถูกต้องต้องประกอบด้วยเงื่อนไขต่างๆดังนี้

    1. การเช่า-จ้างเกิดจากบุคคลที่สามารถดำเนินการ

    2. ทราบประโยชน์ของการเช่า-จ้าง เช่น การพักอาศัยในบ้าน , หรือการบริการของบุคคล (การทำงาน)

    3. ทราบค่าเช่า-จ้าง

    4. ประโยชน์จากการเช่า-จ้างเป็นสิ่งที่ศาสนาอนุญาต เช่น บ้านเพื่อพักอาศัย ดังนั้นจะถือว่าไม่ถูกต้อง (เป็นโมฆะ) ในประโยชน์ของสิ่งที่ต้องห้าม เช่น ให้เช่าบ้านหรือร้านเพื่อขายเหล้า หรือคูหาเพื่อเป็นสถานที่ค้าประเวณี และเช่าบ้านเพื่อใช้เป็นโบสถ์ หรือเพื่อขายสิ่งต้องห้ามต่างๆ

    5. มีความชัดเจนในวัตถุที่จะให้เช่า ด้วยการเห็นด้วยตา หรือทราบคุณลักษณะ และจะต้องทำความตกลงกันบนผลประโยชน์ของวัตถุ ไม่ใช่ส่วนต่างๆ ของวัตถุ ต้องสามารถส่งมอบได้ ต้องเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่ศาสนาอนุญาต ต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่าหรือเป็นผู้ได้รับอนุญาตในสิ่งนั้น

    หุกมการให้เช่าต่อในสิ่งที่เช่า

    อนุญาตให้ผู้เช่าใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เช่าด้วยตัวเอง และผู้เช่ามีสิทธิที่จะให้เช่าต่อแก่บุคคลอื่นที่จะใช้ประโยชน์แทนตน ด้วยอัตราค่าเช่าเท่าเดิม หรือน้อยกว่า แต่ไม่ใช่มากกว่าเดิมที่เกิดผลเสียต่อเขา

    สภาพของการจ่ายค่าเช่า-จ้างตามปกติวิสัย

    หากเขาขึ้นโดยสารเครื่องบิน รถ เรือ หรือมอบเสื้อให้ช่างเย็บ หรือจ้างให้แบกหาม โดยไม่ได้ทำข้อตกลงก่อน ทั้งหมดถือว่าใช้ได้ด้วยการจ่ายค่าจ้างตามราคาปรกติทั่วไป เช่นนี้แหละสำหรับทุกๆ สิ่งที่คุ้นเคย เป็นที่ทราบกันของคนทั่วไป และเกิดขึ้นซ้ำๆ

    หุกมการเช่าสิ่งที่เป็นวะกัฟ (สาธารณะประโยชน์ตามหลักศาสนา)

    อนุญาตให้มีการเช่าสิ่งที่เป็นวะกัฟ และหากผู้ให้เช่าเสียชีวิตแล้วสิทธิการให้เช่าดังกล่าวจะตกเป็นของบุคคลที่ดำเนินการต่อจากนั้น โดยไม่ถูกยกเลิกแต่อย่างใด และบุคคลที่สองก็จะได้ส่วนค่าเช่าของเขา

    ทุกๆ สิ่งที่ห้ามการซื้อขายก็ห้ามทำการเช่า-จ้างเช่นกัน ยกเว้น สิ่งวะกัฟ บุคคลที่เป็นไท และทาสหญิงที่มีลูกกับนาย

    วาญิบต้องจ่ายค่าเช่า-จ้างเมื่อใด

    วาญิบต้องจ่ายค่าเช่า-จ้างด้วยการทำข้อตกลง และวาญิบต้องจ่ายเมื่อครบเวลา และหากทั้งสองฝ่ายพอใจที่ขยายเวลาจ่ายให้ช้าลง หรือร่นเวลาให้เร็วขึ้น หรือจ่ายด้วยการผ่อนชำระ ก็ถือว่าใช้ได้ และลูกจ้างมีสิทธิรับค่าจ้างเมื่องานเสร็จสมบูรณ์อย่างดี โดยให้จ่ายเงินค่าจ้างก่อนที่เหงื่อลูกจ้างจะแห้ง

    จากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า

    «قَالَ الله تَعَالَى: ثَلاثَةٌ أَنَا خَصْمُهُـمْ يَوْمَ القِيَامَةِ: رَجُلٌ أَعْطَى بِي ثُمَّ غَدَرَ، وَرَجُلٌ بَاعَ حُرّاً فَأَكَلَ ثَمَنَـهُ، وَرَجُلٌ اسْتَأْجَرَ أَجِيراً فَاسْتَوْفَى مِنْـهُ وَلَـمْ يُـعْطِهِ أَجْرَهُ». أخرجه البخاري.

    ความว่า “อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า (บุคคลสามจำพวกที่ฉันจะเป็นคู่กรณีกับพวกเขาในวันกิยามะฮฺ (คือ) คนที่ได้สัญญากับฉันแล้วเขาผิดสัญญา คนที่ขายมนุษย์ที่เป็นไท(ไม่ใช่ทาส) แล้วกินเงินนั้น และคนที่จ้างคนงานแล้วได้ทำงานตามสัญญา แต่เขาไม่ยอมจ่ายค่าแรงของเขา” (บันทึก โดยอัล-บุคอรีย์ 2270)

    หุก่มการขายสิ่งที่ให้เช่า

    อนุญาตให้ขายสิ่งที่ให้เช่า เช่นบ้าน รถ เป็นต้น โดยผู้ซื้อจะรับสินค้าหลังจากที่ผู้เช่าได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เช่านั้นอย่างสมบูรณ์ และสิ้นสุดระยะเวลาของการเช่าแล้ว

    หุก่มของการชดใช้ในสิ่งที่ถูกเช่า

    ลูกจ้างไม่จำเป็นต้องชดใช้สิ่งที่เสียหายด้วยมือของเขา หากเขาไม่ได้ประมาทเลินเล่อหรือละเมิดทำลาย และไม่อนุญาตให้สตรีรับจ้างทำงานด้วยตัวเอง หรือรับจ้างให้นมเด็ก นอกจากจะได้รับอนุญาตจากสามีก่อน

    อนุญาตให้รับค่าจ้างจากการสอน สร้างมัสยิด และอื่นๆ

    หุก่มการรับค่าจ้างจากการทำอะมัลหรืออิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ

    อนุญาตให้อิหม่ามหรือมุอัซซิน (ผู้ประกาศละหมาด) หรือครูสอนอัลกุรอานรับค่าจ้างจากบัยตุลมาล (เงินกองคลัง) และผู้ใดในหมู่พวกเขาที่ทำงานโดยเจตนาเพื่ออัลลอฮฺผู้สูงส่งเขาก็จะได้รับผลบุญ ถึงแม้ว่าเขาจะรับค่าจ้างจากบัยตุลมาลก็ตาม เพราะถือสิ่งที่เขารับมาจากบัยตุลมาลนั้น เป็นการช่วยสนับสนุนด้านการทำความดีไม่ใช่เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนหรือค่าจ้างในการทำงานของเขา

    หุก่มการทำงานเป็นลูกจ้างคนกาฟิรของมุสลิม

    อนุญาตให้มุสลิมทำงานเป็นลูกจ้างของคนกาฟิรด้วยเงื่อนไขสามประการคือ

    1. ต้องเป็นงานที่อนุญาตให้มุสลิมทำ

    2. ต้องไม่เป็นการช่วยเหลือเขาในสิ่งที่นำอันตรายกลับคืนสู่ชาวมุสลิม

    3. ต้องไม่เป็นงานที่ทำเกิดความสมเพชแก่ชาวมุสลิม

    อนุญาตให้มุสลิมจ้างคนกาฟิรเมื่อจำเป็น เช่น ไม่มีมุสลิมที่จะรับจ้าง

    หุกมการจ้าง-ให้เช่า แก่คนที่ทำสิ่งต้องห้าม

    ไม่อนุญาตให้เช่าบ้าน หรือร้านค้าแก่ผู้ที่ขายสิ่งต้องห้าม เช่น เครื่องดนตรีที่ต้องห้าม หนังลามก รูปภาพที่เป็นฟิตนะฮฺ (เช่นภาพเปลือย) เช่นเดียวกับไม่อนุญาตให้เช่า-จ้างผู้ที่ทำงานที่ต้องห้าม เช่น ทำงานธนาคารที่มีดอกเบี้ย และผู้ที่จะใช้บ้านเป็นที่ผลิตเหล้า ใช้บ้านเป็นที่พักแก่นักดนตรี และผู้กระทำการผิดประเวณี และอื่น เช่นเป็นที่ขายบุหรี ที่โกนเครา ที่ขายม้วนวีดีโอและเพลง เพราะในการเช่า-จ้างดังกล่าวเป็นการให้ความช่วยเหลือในสิ่งที่ต้องห้ามที่อัลลอฮฺได้ทรงห้ามไว้

    อัลลอฮฺได้ ตรัสว่า

    ( ﯭ ﯮ ﯯ ﯰ ﯱ ﯲ ﯳ ﯴ ﯵ ﯶ ﯷ ﯸ ﯹ ﯺ ﯻ ﯼ ﯽ ﯾ ﯿ) [المائدة/2].

    ความว่า “และพวกเจ้าจงช่วยกันในสิ่งที่เป็นคุณธรรม และความยำเกรง และจงอย่าช่วยในสิ่งที่เป็นบาปและเป็นศัตรูกันและพึงยำเกรงต่ออัลลอฮฺเถิดแท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงเป็นผู้รุนแรงในการลงโทษ” (อัลมาอิดะฮฺ 2)

    หุก่มการจ่ายค่าชดเชยเพื่อแลกกับการขอยกเลิกให้เช่า

    บางครั้งที่พักหรือห้างร้านอยู่ในทำเลที่ดีและเป็นที่ต้องการ ในกรณีเช่นนี้อนุญาตให้จ่ายค่ายกเลิกเช่าแก่ผู้เช่าในช่วงที่ยังอยู่ในระยะเวลาเช่าแลกกับการสละระยะเวลาที่เหลือของการเช่า แม้จะมีราคาสูงกว่าค่าเช่าปรกติก็ตาม แต่ต้องไม่ใช่เป็นการจ่ายหลังจากหมดเวลาเช่าแล้ว

    หุก่มการกำหนดเงื่อนไขการลงโทษหรือปรับ

    การวางเงื่อนไขเสียค่าปรับที่มีการปฏิบัติกันอย่างแผร่หลายในการทำข้อตกลงสัญญาต่างๆ ถือว่าเป็นเงื่อนไขที่ใช้ได้และถูกต้องจำเป็นที่ต้องยึดมั่นตามนั้น ถือเป็นสิ่งที่ศาสนาอนุญาตเพื่อทำให้ข้อตกลงนั้นเสร็จสมบูรณ์ตามกำหนดเวลา และมีส่วนช่วยปิดกั้นการขาดวินัย และการไม่จริงจังกับสิทธิของผู้อื่นตราบใดที่มันไม่ได้มีมูลเหตุที่ศาสนาจะอนุโลมผ่อนผันให้ ซึ่งสิ่งอนุโลมนั้นก็จะลดการวาญิบ(ที่จะต้องตามเงื่อนนั้น)ลง แม้ว่าเงื่อนไขจะมีมากตามธรรมเนียมปฏิบัติก็ตาม ก็ถือว่าจำเป็นต้องพิจารณาด้านความยุติธรรม ความมีสำนึก ตามระดับของประโยชน์ที่เสียไป หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นตามดุลยพินิจของผู้พิพากษาหรือศาล

    ตัวอย่างเช่น คนๆ หนึ่งได้ตกลงว่าจ้างอีกคนหนึ่งสร้างบ้านให้แก่ตนในระยะเวลาหนึ่งปีด้วยค่าจ้างหนึ่งแสนเหรียญ เมื่อเขาได้ทำงานล่าช้าเกินหนึ่งปี (ตามสัญญา) ดังนั้น ผู้รับจ้างก่อสร้างต้องเสียค่าปรับต่อเดือนเดือนละ 1000 เหรียญ เป็นต้น ดังนั้น ถ้าเกิดการล่าช้าเป็นเวลาสี่เดือนโดยไม่มีเหตุจำเป็น ผู้รับจ้างก่อสร้างจะต้องจ่าย 4000 เหรียญแก่เจ้าของบ้านหรือผู้ว่าจ้าง (ตามเงื่อนไขในสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้)