ลักษณะวิธีการตัดสินพิพากษา
บทความนี้ถูกแปลเป็นภาษา
หมวดหมู่
Full Description
ลักษณะของการตัดสินพิพากษา
﴿صفة الحكم﴾
มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม อัตตุวัยญิรีย์
แปลโดย : ยูซุฟ อบูบักรฺ
ผู้ตรวจทาน : อัสรัน นิยมเดชา
الشيخ محمد بن إبراهيم التويجري
ترجمة: يوسف أبو بكر
مراجعة: عصران إبراهيم
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
ลักษณะของการตัดสินพิพากษา
เมื่อคู่กรณีพิพาททั้งสองฝ่ายมายังผู้พิพากษา ให้ผู้พิพากษาถามว่าใครเป็นโจทก์ (เป็นผู้กล่าวหา) หรือเขาอาจจะสงบนิ่งเพื่อที่จะให้คู่กรณีคนใดคนหนึ่งได้พูด ผู้เป็นโจทก์ให้เริ่มเป็นผู้ให้การก่อน และหากจำเลยยอมรับก็ให้ตัดสินไปตามนั้น
ในกรณีที่จำเลยให้การปฏิเสธ ผู้พิพากษาจะกล่าวแก่โจทก์ว่าจงนำหลักฐานมาแสดง ดังนั้นเมื่อเขานำหลักฐานมาแสดงผู้พิพากษาก็จะรับฟังและตัดสินไปตามนั้น และเขาจะไม่ตัดสินตามที่รู้มานอกจากในกรณีต่างๆ ที่ได้กล่าวมาแล้ว
หากโจทก์กล่าวว่าฉันไม่มีหลักฐาน ผู้พิพากษาก็จะให้เขากล่าวสาบาน และหากโจทย์ต้องการให้จำเลยสาบานด้วย (ในกรณีที่เขาไม่ยอมรับ – ผู้แปล) ผู้พิพากษาก็ใช้ให้จำเลยสาบานแล้วก็ปล่อยเขาไป
ในกรณีที่จำเลยไม่ยอมสาบาน ผู้พิพากษาก็จะต้องตัดสินไปตามนั้น เนื่องจากการนิ่งเฉยเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่าโจทย์มีความสัจจริงและผู้พิพากษาจะให้โจทย์สาบานซ้ำเมื่อจำเลยไม่ยอมมสาบานโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อน้ำหนักอยู่ฝ่ายโจทย์ ดังนั้นเมื่อโจทย์ได้สาบานแล้วก็ให้ตัดสินไปตามนั้น
และในกรณีที่จำเลยได้สาบานแล้วผู้พิพากษาได้ปล่อยเขาไปแล้ว ต่อจากนั้นโจทก์ได้นำหลักฐานมาแสดงก็ให้ตัดสินไปตามหลักฐาน เนื่องจากการสาบานของจำเลยก็เพื่อให้รอดพ้นจากความผิดมิได้ให้พ้นจากความเป็นจริง และการตัดสินของผู้พิพากษาจะไม่ถูกรื้อฟื้นนอกจากจะมีความขัดแย้งกับอัลกุรอาน หะดีษ หรือการวินิฉัยปัญหา (อิจมาอฺ)