×
ข้อมูลว่าด้วยการอาบน้ำศพ อาทิ ใครจะเป็นผู้อาบน้ำให้ศพ? การอาบน้ำให้กับศพที่ถูกไฟไหม้ การอาบน้ำให้กาฟิร ลักษณะการอาบน้ำให้กับศพที่ควรจะกระทำ จากหนังสือมุคตะ็ศ็อร อัลฟิกฮิล อิสลามีย์

    การอาบน้ำศพ

    ﴿غسل الميت﴾

    الشيخ محمد بن إبراهيم التويجري

    ترجمة: رشدي  كاريسا

    مراجعة: صافي عثمان

    มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม อัตตุวัยญิรีย์

    แปลโดย : รุสดี การีสา

    ผู้ตรวจทาน : ซุฟอัม อุษม


    ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ

    การอาบน้ำศพ

    ใครจะเป็นผู้อาบน้ำให้ศพ?

                1. ส่งเสริมให้ผู้ที่จะทำการอาบน้ำให้กับศพนั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการอาบน้ำมากที่สุด และแน่นอนว่าเขาจะได้ผลบุญอันมหาศาลหากเขาได้กระทำไปเพื่อความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวาตะอาลา และได้ปกปิดเรื่องไม่ดีที่น่ารังเกียจเกี่ยวกับตัวศพที่เขาได้สัมผัสและเห็นทั้งหมด

                2. กรณีที่มีการขัดแย้งในเรื่องการอาบน้ำให้กับศพของชายผู้หนึ่งนั้น ควรจะให้ผู้ที่เขาได้สั่งเสียเป็นคนที่มีสิทธิอาบน้ำให้มากที่สุด หลังจากนั้นผู้เป็นบิดาของผู้ตายและปู่ของผู้ตายแล้วเครือญาติของผู้ตายที่ใกล้ที่สุดตามลำดับ แล้วหลังจากนั้นก็เป็นบรรดาเครือญาติที่ไม่มีสิทธิในมรดกของผู้ตาย เช่นเดียวกันหากกรณีที่ศพเป็นของสตรีผู้หนึ่งควรจะให้ผู้ที่ได้รับการสั่งเสียเป็นคนอาบน้ำให้ หลังจากนั้นก็เป็นมารดาของนางต่อมายายของนางแล้วก็เป็นเครือญาติของนางที่ใกล้กับนางที่สุดตามลำดับ และอนุญาตให้สามีภรรยาอาบน้ำศพให้แก่กันได้ และการอาบน้ำให้กับศพนั้นเพียงครั้งเดียวก็ถือว่าใช้ได้แล้วทั้งศพที่เป็นชายและศพที่เป็นหญิง โดยอาบน้ำครั้งเดียวให้ทั่วทั้งร่างกายของศพ

                ­ ผู้ที่สามารถเข้ามาทำการอาบน้ำให้กับศพได้นั้นคือผู้ที่อาบน้ำให้และผู้ช่วยเท่านั้น และเป็นการไม่สมควรที่จะให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในการอาบน้ำให้กับศพ

    การอาบน้ำให้กับศพที่ถูกไฟไหม้

                1. กรณีที่มีการปะปนระหว่างศพมุสลิมกับศพที่ไม่ใช่มุสลิมอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ไฟไหม้และตายหมู่ซึ่งไม่สามารถทำการแยกแยะได้ระหว่างศพมุสลิมกับศพที่ไม่ใช่มุสลิม ให้ทำการอาบน้ำให้กับศพทั้งหมด หลังจากนั้นจึงทำการห่อศพแล้วทำการละหมาดให้กับศพทั้งหมด แล้วทำการฝังศพทั้งหมดโดยตั้งเจตนาว่าได้ทำทุกอย่างลงไปเพื่อศพของมุสลิมที่ปะปนอยู่ในนี้

                2. ศพที่ไม่สามารถอาบน้ำให้ได้เนื่องจากถูกเผาไหม้หรือฉีกขาด หรือเนื่องจากขาดน้ำ ให้ทำการห่อศพโดยไม่ต้องทำการอาบน้ำให้และไม่ต้องอาบน้ำละหมาดหรือตะยัมมุมทั้งสิ้น หลังจากนั้นให้ทำการละหมาดให้กับศพทันที เช่นเดียวกัน สามารถทำการละหมาดให้กับชิ้นส่วนใดๆ ของศพเช่น มือ เท้า เป็นต้น โดยมีเงื่อนไขว่าไม่สามารถหาส่วนที่เหลือของศพได้

    ­ อนุญาตให้มุสลิมและมุสลิมะฮฺทำการอาบน้ำให้กับศพที่มีอายุไม่เกิน 7 ขวบไม่ว่าจะเป็นศพชายหรือศพหญิง และในกรณีที่มุสลิมเสียชีวิตในหมู่ของมุสลิมะฮฺหรือมุสลิมะฮฺเสียชีวิตในหมู่มุสลิมที่ไม่ใช่มะหฺร็อม หรือไม่สามารถอาบน้ำให้ได้นั้น ให้ทำการละหมาดแล้วฝังโดยไม่ต้องมีการอาบน้ำให้กับศพแต่อย่างใด

    ­ ชะฮีดมุสลิมที่เสียชีวิตในสมรภูมิรบในหนทางของอัลลอฮฺจะไม่มีการอาบน้ำให้แต่อย่างใด ส่วนผู้ที่ตายชะฮีดหรือเสียชีวิตในหนทางของอัลลอฮฺด้วยสาเหตุอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมานี้ให้ทำการอาบน้ำศพให้

    การอาบน้ำให้กาฟิร

    เป็นการห้ามสำหรับมุสลิมคนหนึ่งที่จะทำการอาบน้ำศพให้กับผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม หรือทำการห่อศพให้ หรือทำการละหมาดให้ หรือแม้กระทั่งเดินตามศพและการฝังศพ หากแต่ให้ทำการกลบปกปิดศพด้วยดินในกรณีที่ไม่มีผู้ที่จะทำในเรื่องดังกล่าวให้บรรดาเครือญาติของผู้ตาย และไม่มีบัญญัติให้ญาติมุสลิมของศพที่ไม่ใช่มุสลิมเดินตามส่งศพของเขา

    ลักษณะการอาบน้ำให้กับศพที่ควรจะกระทำ

    กรณีที่ต้องทำการอาบน้ำให้กับศพนั้นให้นำศพไปวางไว้บนเตียงหรือแคร่ที่ทำไว้เฉพาะสำหรับอาบน้ำศพ  แล้วใช้ผ้าหนึ่งผืนปกปิดร่างกายของศพ หลังจากนั้นให้เริ่มทำการถอดเสื้อผ้าของศพ แล้วให้ทำการยกศีรษะของศพให้อยู่ในท่าใกล้เคียงกับท่านั่ง แล้วทำการลูบท้องของศพเบาๆ พร้อมกับรดน้ำให้มากๆ หลังจากนั้นให้พันมือของผู้อาบด้วยผ้าหรือสวมถุงมือและให้ทำความสะอาดทวารของศพ  

    หลังจากนั้นให้ตั้งเจตนาว่าจะทำการอาบน้ำให้กับศพ แล้วเริ่มด้วยการอาบน้ำละหมาดให้กับศพดังเช่นการอาบน้ำละหมาดเพื่อทำการละหมาด หลังจากที่ได้เปลี่ยนผ้าพันมืออีกอันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอย่าให้น้ำเข้าไปภายในปากหรือจมูกของศพ หากแต่ให้ใช้นิ้วที่เปียกไว้สอดเข้าไปในรูจมูกและล้วงเข้าไปในปากของศพแทน

    หลังจากนั้นให้ทำการอาบน้ำศพด้วยน้ำสะอาดและใบพุทรา หรือด้วยสบู่ โดยเริ่มจากศีรษะของศพและเคราหลังจากนั้นให้ไล่ลงมาทางฝั่งขวาของศพ เริ่มจากลำคอลงมาจนกระทั่งถึงปลายเท้าของศพ

    หลังจากนั้นให้ทำการพลิกศพให้เปลี่ยนมาอยู่ทางฝั่งซ้าย แล้วให้ทำการอาบแผ่นหลังด้านขวาของศพ แล้วให้อาบทางฝั่งซ้ายลักษณะเดียวกันกับที่อาบทางฝั่งขวาของศพ

    หลังจากนั้น ให้ทำการอาบน้ำอีกในครั้งที่สองและครั้งที่สามดังเช่นที่ได้ทำไว้ในครั้งแรก และหากยังไม่สะอาดและทั่วถึงให้เพิ่มจำนวนครั้งจนกระทั่งสะอาดให้ครบเป็นจำนวนคี่ หลังจากนั้นให้ทำการอาบครั้งสุดท้ายด้วยน้ำที่ผสมกับการบูรหรือน้ำที่มีกลิ่นหอม และหากหนวดหรือเล็บของศพนั้นยาวให้ทำการตัดส่วนที่ยาวออกไปแล้วทำการเช็ดตัวด้วยผ้า

    และสำหรับศพมุสลิมะฮฺให้รวบผมหรือถักเป็นเปียสามเส้น แล้วปล่อยลงไปทางด้านหลัง

    และหากเกิดมีสิ่งสกปรกออกจากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายหลังการอาบน้ำศพเสร็จสิ้นแล้ว ให้ทำความสะอาดเฉพาะส่วนนั้นๆ และให้ทำการอาบน้ำละหมาดใหม่ จากนั้นให้ใช้สำลีปิดส่วนนั้นไว้ให้มิดชิด