translation ผู้เขียน : อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์
1

สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนตาย

1.9 MB DOC
2

สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนตาย

161.8 KB PDF

مقالة مقتبسة من كتاب «الدرر المنقاة من الكلمات الملقاة» للشيخ أمين بن عبد الله الشقاوي حفظه الله، يذكر فيها بعض الأعمال التي يصل ثوابها إلى المسلم بعد موته، وآثار أعماله الحسنة وصدقاته الجارية.

    สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนตาย

    ] ไทย – Thai – تايلاندي [

    ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์

    แปลโดย : อุศนา พ่วงศิริ

    ตรวจทานโดย : อัสรัน นิยมเดชา

    ที่มา : หนังสือ อัด-ดุร็อรฺ อัล-มุนตะกอฮฺ มิน อัล-กะลีมาต อัล-มุลกอฮฺ

    2014 - 1435


    ما ينتفع به الميت

    « باللغة التايلاندية »

    د. أمين بن عبد الله الشقاوي

    ترجمة: حسنى فوانج سيري

    مراجعة: عصران نئ يوم ديشا

    المصدر: كتاب الدرر المنتقاة من الكلمات الملقاة

    2014 - 1435

    ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ

    สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนตาย

    มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ขอความสุขความจำเริญและความสันติจงประสบแด่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงองค์เดียว ไม่มีภาคีใดๆ สำหรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่ามุหัมมัดเป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์

    อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า

    ﴿ إِنَّا نَحۡنُ نُحۡيِ ٱلۡمَوۡتَىٰ وَنَكۡتُبُ مَا قَدَّمُواْ وَءَاثَٰرَهُمۡۚ وَكُلَّ شَيۡءٍ أَحۡصَيۡنَٰهُ فِيٓ إِمَامٖ مُّبِينٖ ١٢ ﴾ [يس: ١٢]

    “แท้จริงเราเป็นผู้ให้คนตายกลับมีชีวิตขึ้น และเราบันทึกสิ่งที่พวกเขาได้ประกอบไว้แต่ก่อน และร่องรอยของพวกเขา และทุกสิ่งนั้น เราได้รวบรวมไว้อย่างครบถ้วนในบันทึกอันชัดแจ้ง” (ยาสีน: 12)

    สะอีด บิน ญุบัยรฺ กล่าวว่า “ผู้ใดริเริ่มสิ่งที่เป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่น แล้วมีผู้คนปฏิบัติตามหลังจากที่เขาเสียชีวิตไป ถ้าสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่ดี เขาก็จะได้รับผลบุญนั้นด้วยโดยไม่ลดหย่อนแต่ประการใด” (ตัฟสีรฺอิบนุกะษีรฺ เล่ม 11 หน้า 348)

    อบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

    « إِذَا مَاتَ الْإِنْسَانُ انْقَطَعَ عَنْهُ عَمَلُهُ إِلَّا مِنْ ثَلَاثَةٍ: إِلَّا مِنْ صَدَقَةٍ جَارِيَةٍ، أَوْ عِلْمٍ يُنْتَفَعُ بِهِ، أَوْ وَلَدٍ صَالِحٍ يَدْعُو لَهُ » [رواه مسلم برقم 1631]

    “เมื่อบุคคลหนึ่งเสียชีวิตลงการงานของเขาก็จะถูกตัดขาดจากเขา นอกจากสามสิ่งคือ กุศลทานที่ยังประโยชน์อย่างต่อเนื่อง (เศาะดะเกาะฮฺญาริยะฮฺ) ความรู้ที่เป็นประโยชน์ และบุตรศอลิหฺที่ขอดุอาให้แก่เขา” (บันทึกโดยมุสลิม หะดีษเลขที่ 1631)

    จากอายะฮฺและหะดีษข้างต้น เราได้ทราบว่าผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วนั้นจะได้รับประโยชน์จากการงานที่ผู้อื่นกระทำในกรณีดังต่อไปนี้

    (1) ดุอาอ์ที่มุสลิมขอให้แก่เขา อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﴿ وَٱلَّذِينَ جَآءُو مِنۢ بَعۡدِهِمۡ يَقُولُونَ رَبَّنَا ٱغۡفِرۡ لَنَا وَلِإِخۡوَٰنِنَا ٱلَّذِينَ سَبَقُونَا بِٱلۡإِيمَٰنِ وَلَا تَجۡعَلۡ فِي قُلُوبِنَا غِلّٗا لِّلَّذِينَ ءَامَنُواْ رَبَّنَآ إِنَّكَ رَءُوفٞ رَّحِيمٌ ١٠ ﴾ [الحشر: ١٠]

    “และบรรดาผู้ที่มาหลังจากพวกเขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเรา ขอทรงโปรดอภัยให้แก่เราและพี่น้องของเราผู้ซึ่งได้ศรัทธาก่อนหน้าเรา และขอพระองค์อย่าได้ให้มีการเคียดแค้นเกิดขึ้นในหัวใจของเราต่อบรรดาผู้ศรัทธา ข้าแต่พระเจ้าของเรา แท้จริงพระองค์ท่านเป็นผู้ทรงเอ็นดู ผู้ทรงเมตตาเสมอ” (อัลหัชรฺ: 10)

    ศ็อฟวาน บิน อับดุลลอฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

    « دَعْوَةُ الْمَرْءِ الْمُسْلِمِ لِأَخِيهِ بِظَهْرِ الْغَيْبِ مُسْتَجَابَةٌ، عِنْدَ رَأْسِهِ مَلَكٌ مُوَكَّلٌ كُلَّمَا دَعَا لِأَخِيهِ بِخَيْرٍ، قَالَ الْمَلَكُ الْمُوَكَّلُ بِهِ: آمِينَ وَلَكَ بِمِثْلٍ » [رواه مسلم برقم 2733]

    “ดุอาอ์ที่มุสลิมขอให้แก่พี่น้องมุสลิมของเขาลับหลังนั้นจะถูกตอบรับ โดยจะมีมลาอิกะฮฺอยู่ประจำตัวเขา เมื่อใดก็ตามที่เขาดุอาอ์ให้พี่น้องของเขาในสิ่งที่ดี มลาอิกะฮฺที่ได้รับมอบหมายก็จะกล่าวว่า อามีน (ขออัลลอฮฺทรงตอบรับด้วยเถิด) และก็ขอให้ท่านได้รับสิ่งนั้นเช่นกัน” (บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 2733)

    ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้ครอบคลุมดุอาอ์ที่มุสลิมขอให้พี่น้องของเขาลับหลัง ไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม

    (2) ผู้ปกครองหรือญาติถือศีลอดชดใช้แทนผู้ตาย ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เล่าว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

    « مَنْ مَاتَ وَعَلَيْهِ صِيَامٌ صَامَ عَنْهُ وَلِيُّهُ » [رواه البخاري برقم 1952 ومسلم برقم 1147]

    “ผู้ใดเสียชีวิตโดยที่ยังมีการถือศีลอดติดค้างอยู่ ผู้ปกครองของเขาสามารถถือศีลอดชดแทนเขาได้” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 1952 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 1147)

    อิบนุอับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า “สตรีนางหนึ่งออกทะเลไปโดยได้สาบาน (นะซัรฺ) ไว้ว่าหากอัลลอฮฺทรงให้นางเดินทางปลอดภัย นางจะถือศีลอดเป็นเวลาหนึ่งเดือน หลังจากที่นางปลอดภัยจากการเดินทางแล้ว ยังไม่ทันได้ถือศีลอดนางก็เสียชีวิต ลูกสาวของนางหรือพี่สาวของนาง จึงได้มาหาท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านจึงใช้ให้นางถือศีลอดแทนผู้เสียชีวิต” (บันทึกโดย อบูดาวุด หะดีษเลขที่ 3208)

    หะดีษทั้งหลายที่กล่าวมานี้เป็นหลักฐานยืนยันชัดเจนถึงบทบัญญัติที่ว่า ผู้ปกครองหรือญาติสามารถถือศีลอดชดแทนผู้เสียชีวิตในกรณีที่สาบานไว้ได้ ซึ่งในประเด็นนี้นักวิชาการเห็นตรงกันอย่างเป็นเอกฉันท์ ส่วนกรณีการถือศีลอดประเภทอื่น ๆ นั้นนักวิชาการมีความเห็นแตกต่างกัน

    (3) การชดใช้หนี้สินแทนผู้เสียชีวิต ไม่ว่าจะโดยผู้ปกครอง ญาติพี่น้อง หรือบุคคลใดก็ตาม

    ญาบิรฺ บิน อับดุลลอฮฺ กล่าวว่า “ชายคนหนึ่งได้เสียชีวิตลง พวกเราจึงอาบน้ำและห่อศพให้แก่เขา แล้ววางศพลง ณ ที่ซึ่งเตรียมไว้เพื่อรอให้ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม มาละหมาดให้ เมื่อท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กำลังจะเดินทางมาถึง ท่านก็ถามขึ้นว่า “สหายของพวกท่านมีหนี้สินหรือไม่?” พวกเขาตอบว่า “ใช่ครับ เขามีหนี้เป็นเงินสองดีนาร์” ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงถอยออกมาแล้วกล่าวว่า “พวกท่านจงละหมาดให้สหายของพวกท่านเถิด” ชายคนหนึ่งชื่อ อบูเกาะตาดะฮฺ จึงกล่าวขึ้นว่า “โอ้ท่านเราะสูล ฉันจะรับผิดชอบสองดีนาร์นั้นเอง” ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงกล่าวถามว่า “ท่านจะรับผิดชอบชดใช้สองดีนาร์นี้ด้วยทรัพย์สินของท่าน และถือว่าผู้ตายได้หมดสิ้นหนี้สินไปใช่หรือไม่?” เขาตอบว่า “ครับ” ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงละหมาดให้แก่เขา

    หลังจากนั้น ทุกครั้งที่ท่านนบีได้พบเจออบูเกาะตาดะฮฺ ท่านก็จะถามว่า “ท่านจัดการเงินสองดีนารนั้นหรือยัง?” กระทั่งท้ายที่สุดเขาก็ตอบว่า “ฉันได้ชดใช้หนี้สินเรียบร้อยแล้ว” ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงกล่าวว่า “ในที่สุดท่านก็ทำให้ผิวหนังของเขาเย็นลงเสียที” (บันทึกโดย อัลหากิม หะดีษเลขที่ 2393) หมายถึง ในที่สุดเขาได้รับการยกเว้นโทษนั่นเอง

    หะดีษข้างต้นได้ระบุว่าผู้ตายนั้นจะได้รับภาคผลจากการชดใช้หนี้สินไม่ว่าจะโดยผู้ใดก็ตาม ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นบุตรหลานเท่านั้น และการชดใช้หนี้แทนผู้ตายนั้นทำให้เขาไม่ต้องถูกลงโทษ ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้เป็นข้อยกเว้นบทบัญญัติทั่วไป ที่อัลลอฮฺตรัสไว้ว่า

    ﴿ وَأَن لَّيۡسَ لِلۡإِنسَٰنِ إِلَّا مَا سَعَىٰ ٣٩﴾ [النجم: 39]

    “และมนุษย์จะไม่ได้อะไรเลย นอกจากสิ่งที่เขาได้ขวนขวายเอาไว้” (อันนัจญมฺ: 39)

    (4) คุณงามความดีที่ลูกได้กระทำ พ่อแม่ก็จะได้รับผลบุญความดีนั้นด้วยโดยไม่ลดหย่อนจากที่ลูกได้รับแต่อย่างใด เพราะลูกนั้นคือส่วนหนึ่งของสิ่งที่พ่อแม่ได้ “ขวนขวาย” ซึ่งอัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า

    ﴿ وَأَن لَّيۡسَ لِلۡإِنسَٰنِ إِلَّا مَا سَعَىٰ ٣٩ ﴾ [النجم : ٣٩]

    “และมนุษย์จะไม่ได้อะไรเลย นอกจากสิ่งที่เขาได้ขวนขวายเอาไว้” (อันนัจญมฺ: 39)

    ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา เล่าว่า ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

    « إِنَّ أَطْيَبَ مَا أَكَلَ الرَّجُلُ مِنْ كَسْبِهِ، وَإِنَّ وَلَدَهُ مِنْ كَسْبِهِ » [رواه أحمد برقم 24032]

    “สิ่งที่ดีที่สุดที่บุคคลหนึ่งบริโภคคือ สิ่งที่มาจากการขวนขวายของเขาเอง และบุตรของเขาก็คือส่วนหนึ่งจากการขวนขวายของเขา” (บันทึกโดย อะหฺมัด หะดีษเลขที่ 24032)

    ชัยคฺอัลบานีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า “ความหมายของอายะฮฺและหะดีษข้างต้นได้รับการสนับสนุนโดยตัวบทหะดีษจำนวนมาก ที่ระบุเจาะจงว่าผู้ตายจะได้รับประโยชน์จากการงานซึ่งบุตรของเขาที่ศอลิหฺได้ปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคทาน การถือศีลอด การปล่อยทาส การทำหัจญ์ และการงานอื่นๆ” (อะหฺกาม อัลญะนาอิซ หน้า 217)

    ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา เล่าว่า มีชายคนหนึ่งมาหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แล้วกล่าวว่า "มารดาของฉันเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันโดยไม่ทันได้สั่งเสีย แต่ฉันคิดว่าถ้านางมีโอกาสพูด นางคงจะขอให้บริจาคทานเป็นแน่แท้ เช่นนี้แล้ว หากฉันบริจาคแทนนาง นางจะได้รับผลบุญหรือไม่ครับ?" ซึ่งท่านตอบว่า "ได้" (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 1004 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 1388)

    (5) ร่องรอยความดีงามและกุศลทานที่ส่งผลต่อเนื่อง อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﴿ وَنَكۡتُبُ مَا قَدَّمُواْ وَءَاثَٰرَهُمۡۚ ﴾ [يس: ١٢]

    “และเราบันทึกสิ่งที่พวกเขาได้ประกอบไว้แต่ก่อน และร่องรอยของพวกเขา” (ยาสีน: 12)

    และในหะดีษที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

    « إِذَا مَاتَ الْإِنْسَانُ انْقَطَعَ عَنْهُ عَمَلُهُ إِلَّا مِنْ ثَلَاثَةٍ... » [رواه مسلم برقم 1631]

    “เมื่อบุคคลหนึ่งเสียชีวิตลง การงานของเขาก็จะถูกตัดขาดจากเขา นอกจากสามสิ่ง...” (บันทึกโดยมุสลิม หะดีษเลขที่ 1631)

    และอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

    « إِنَّ مِمَّا يَلْحَقُ الْمُؤْمِنَ مِنْ عَمَلِهِ وَحَسَنَاتِهِ بَعْدَ مَوْتِهِ: عِلْمًا نَشَرَهُ، وَوَلَدًا صَالِحًا تَرَكَهُ، وَمُصْحَفًا وَرَّثَهُ، أَوْ مَسْجِدًا بَنَاهُ، أَوْ بَيْتًا لِابْنِ السَّبِيلِ بَنَاهُ، أَوْ نَهْرًا أَجْرَاهُ، أَوْ صَدَقَةً أَخْرَجَهَا مِنْ مَالِهِ فِي صِحَّتِهِ وَحَيَاتِهِ، تلْحَقُهُ مِنْ بَعْدِ مَوْتِهِ » [رواه ابن ماجه برقم 242]

    “การงานและความดีงามที่จะติดตามผู้ศรัทธาไปหลังจากที่เขาเสียชีวิตลงคือ ความรู้ที่เขาสั่งสอนและเผยแผ่ บุตรที่ศอลิหฺ มุศหัฟ (อัลกุรอาน) ที่เขาแจก มัสยิดที่เขาสร้างขึ้น บ้านพักที่เขาสร้างไว้สำหรับผู้เดินทาง แม่น้ำที่เขาขุดไว้ และกุศลทานที่เขาได้บริจาคแจกจ่ายจากทรัพย์สินของเขาในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่และยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ซึ่งยังคงสานต่อผลบุญให้แก่เขาหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว” (บันทึกโดย อิบนุมาญะฮฺ หะดีษเลขที่ 242)

    ญะรีรฺ บิน อับดิลลาฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

    « مَنْ سَنَّ فِي الْإِسْلَامِ سُنَّةً حَسَنَةً، فَلَهُ أَجْرُهَا، وَأَجْرُ مَنْ عَمِلَ بِهَا بَعْدَهُ مِنْ غَيْرِ أَنْ يُنْتَقَصَ مِنْ أُجُورِهِمْ شَيْءٌ » [رواه مسلم برقم 1017]

    “ผู้ใดเป็นแบบอย่างที่ดีด้วยการริเริ่มปฏิบัติ (หรือฟื้นฟู) สิ่งที่เป็นบทบัญญัติอิสลาม เขาก็จะได้รับผลบุญจากสิ่งที่เขาปฏิบัติ และยังได้ผลบุญของผู้ที่ปฏิบัติตามเขา โดยมิได้ลดหย่อนลงแม้แต่น้อย” (บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 1017)

    والحمد لله رب العالمين،

    وصلى الله وسلم على نبينا محمد، وعلى آله وصحبه أجمعين.



    หมวดหมู่