النهي عن الحسد
أعرض المحتوى باللغة الأصلية
مقالة مقتبسة ومترجمة إلى اللغة التايلندية من كتاب «الدروس اليومية من السنن والأحكام الشرعية» للشيخ راشد بن حسين العبد الكريم - حفظه الله -، ويذكر فيه أن الحسد هو كراهة النعمة على الغير وتمني زوالها، وهو خصلة ذميمة نهى رسول الله صلّى الله عليه وسلّم عنها لما فيها من فساد ذات بين المسلمين وحقد بعضهم على بعض وتسببهم في ضرر بعضهم بعضا، وأخبر صلّى الله عليه وسلّم أن تمني مثل ما عند الآخرين من السبق في أمور الدين ليس من الحسد المذموم.
ห้ามการอิจฉา
] ไทย – Thai – تايلاندي [
ดร.รอชิด บิน หุเสน อัล-อับดุลกะรีม
แปลโดย : สะอัด วารีย์
ตรวจทานโดย : ฟัยซอล อับดุลฮาดี
ที่มา : หนังสือ อัด-ดุรูส อัล-เยามียะฮฺ มิน อัส-สุนัน วะ อัล-อะห์กาม อัช-ชัรอียะฮฺ, เว็บ al-islam.com
2014 - 1435
النهي عن الحسد
« باللغة التايلاندية »
د. راشد بن حسين العبد الكريم
ترجمة: سعد واري
مراجعة: فيصل عبدالهادي
المصدر: كتاب الدروس اليومية من السنن والأحكام الشرعية
موقع الإسلام www.al-islam.com
2014 - 1435
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
ห้ามการอิจฉา
ท่านอนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้รายงานว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
»لَا تَبَاغَضوا وَلا تَحَاسَدوا وَلَا تَدَابَروا وَلا تَقَاطَعوا وَكُونُوا عِبَادَ اللهِ إِخْوانا، لَا يَحِل لِمُسْلِمٍ أَن يَهْجُرَ أَخَاه فَوْقَ ثَلَاث» [متفق عليه[
“พวกท่านจงอย่าโกรธกัน อย่าอิจฉากัน อย่าหันหลังให้กัน อย่าตัดสัมพันธ์กัน และจงเป็นบ่าวของอัลลอฮฺฉันท์พี่น้อง ไม่อนุญาตให้มุสลิมคนใดหมางเมินพี่น้องของเขาเกินกว่าสาม(วัน)” บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ และมุสลิม
ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
»لَا تَحَاسَدوا وَلَا تَنَاجَشوا وَلَا تَبَاغَضوا وَلَا تَدَابَروا وَلَا يَبِعْ بَعْضُكم عَلى بَيْعِ بَعْض، وَكُوْنُوا عِبَادَ اللهِ إِخْوانا، المُسْلِم أَخو المسلم: لَا يُظْلِمه وَلَا يَخْذِلُه وَلَا يَكْذِبُه وَلَا يَحْقِرُه، التَقْوَى ههنا - يُشِيْر إِلى صَدْرِه، ثَلَاثَ مَرّاتٍ- بِحَسْبِ امْرِيءٍ مِن الشّر أَن يَحْقِرَ أَخاه المسلم، كُلّ المسلم على المسلم حرامٌ دَمُهُ وَمَالُهُ وَعِرْضُهُ» [أخرجه مسلم[
“พวกท่านจงอย่าอิจฉากัน จงอย่าล่อลวงกัน จงอย่าจงหันหลังให้กัน และบางคนจงอย่าขายตัดหน้าของอีกบางคน และจงเป็นบ่าวของอัลลอฮฺฉันท์พี่น้อง มุสลิมเป็นพี่น้องของมุสลิม ไม่อธรรมเขา ไม่เหยียบย่ำเขา ไม่โกหกใส่เขา และไม่เหยียดหยามเขา และความยำเกรง(ตักวา)อยู่ตรงนี้ –ท่านได้ชี้ตรงหน้าอกของท่าน 3 ครั้ง- คนๆหนึ่งทำบาปมากพอแล้วกับการดูแคลนพี่น้องมุสลิมของเขา บรรดามุสลิมกับมุสลิมนั้นที่เป็นต้องห้ามกัน ทั้งเลือดเนื้อของเขา ทรัพย์สินของเขา และเกียรติของเขา” บันทึกโดยมุสลิม
ท่านอิบนุ มัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
»لَا حَسَدَ إِلّا فِي اثْنَتَيْنِ: رَجُلٌ آتاهُ اللهُ مَالًا فَسَلَّطَه عَلى هَلَكَتِهِ بِالحَقّ (أي: إِنفَاقُه) ، وَرَجُلٌ آتاهُ اللهُ الحِكْمَةَ فَهُوَ يَقْضِي بِها وَيُعَلِّمُها» [متفق عليه[
“ไม่มีการอิจฉาใด(อนุญาตให้ทำได้)เว้นแต่สองประการ คือ คนๆหนึ่ง อัลลอฮฺให้เขามีทรัพย์สิน(มากมาย) แล้วเขาก็จัดการมันให้หมดไปในทางอันชอบ(คือใช้ในหนทางของอัลลอฮฺ) และคนๆหนึ่งที่อัลลอฮฺให้เขามี ฮิกมะฮฺ (คือรู้จักใช้ปัญญา) แล้วเขาก็ใช้มัน(กับตัวเอง) และสอนมัน(ให้ผู้อื่น)” บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ และมุสลิม
(คำว่า ไม่มีการอิจฉา คือ ไม่ควรที่คนใดจะถูกอิจฉา เว้นแต่เขามีข้อใดข้อหนึ่งในสองลักษณะนี้)
อธิบาย
ความอิจฉา คือ ความไม่อยากเห็นสิ่งดีงามเกิดขึ้นกับผู้อื่น และหวังให้มันมลายสิ้นไป มันเป็นลักษณะที่น่ารังเกียจที่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้ห้ามเอาไว้เพราะมันเป็นบ่อเกิดความเสียหายในระหว่างมุสลิม และเกิดความไม่พอใจต่อกัน และยังเป็นเหตุให้เกิดการทำร้ายกันได้ และท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้บอกอีกว่า การหวังอยากมีเหมือนคนอื่นเพื่อจะได้แข่งขันทำความดีในเรื่องศาสนานั้นไม่ถือเป็นการอิจฉาที่น่าตำหนิ
ประโยชน์ที่ได้รับ
· ห้ามการอิจฉาระหว่างมุสลิม
· การอยากได้ทำดีเหมือนคนอื่นไม่ใช่เป็นการอิจฉา