الوقت وخطر السفر إلى الخارج

أعرض المحتوى باللغة الأصلية anchor

translation ผู้เขียน : อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์
1

เวลาและสิ่งพึงระวังในการท่องเที่ยวต่างประเทศ

1.8 MB DOC
2

เวลาและสิ่งพึงระวังในการท่องเที่ยวต่างประเทศ

440.8 KB PDF

الوقت وخطر السفر إلى الخارج: مقالة مقتبسة ومترجمة من كتاب: «الدرر المنتقاة من الكلمات الملقاة» للشيخ أمين بن عبد الله الشقاوي - حفظه الله -، وهي عبارة عن درس في بيان أهمية الوقت في حياة المسلم، وأنه من أعظم النعم التي منَّ الله بها على الإنسان، والحذر من إضاعته تمثيلاً ببيان خطر السفر إلى بلاد الكفار.

    เวลาและสิ่งพึงระวังในการท่องเที่ยวต่างประเทศ

    ] ไทย – Thai – تايلاندي [

    ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์

    แปลโดย :อิสมาน จารง

    ตรวจทานโดย : ซุฟอัม อุษมาน

    2012 - 1433

    ﴿ الوقت وخطر السفر إلى الخارج ﴾

    « باللغة التايلاندية »

    د. أمين بن عبد الله الشقاوي

    ترجمة: عثمان جارونج

    مراجعة: صافي عثمان

    2012 - 1433

    ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ

    เรื่อง ที่ 51

    เวลาและสิ่งพึงระวังในการท่องเที่ยวต่างประเทศ

    มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิของอัลลอฮฺ ขอการประทานพรและความสันติมีแด่ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ข้าขอปฏิญานว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และมุฮัมหมัดนั้นเป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์

    อัลลอฮฺได้กล่าวว่า

    ﴿ وَٱلۡعَصۡرِ ١ إِنَّ ٱلۡإِنسَٰنَ لَفِي خُسۡرٍ ٢ إِلَّا ٱلَّذِينَ ءَامَنُواْ وَعَمِلُواْ ٱلصَّٰلِحَٰتِ وَتَوَاصَوۡاْ بِٱلۡحَقِّ وَتَوَاصَوۡاْ بِٱلصَّبۡرِ ٣ ﴾ [العصر: ١-٣]

    ความว่า “ขอสาบานด้วยกาลเวลา แท้จริง มนุษย์นั้นอยู่ในการขาดทุน นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย และตักเตือนกันและกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรม และตักเตือนกันและกันให้มีความอดทน” (อัล-อัศรฺ 1-3)

    ท่านอิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ได้กล่าวว่า คำว่า “อัล-อัศรฺ” คือ เวลา และท่านอิบนุล ก็อยยิม ได้กล่าวว่า การใช้ คำว่า อัศรฺ ในความหมายว่ากาลเวลานั้นเป็นสิ่งที่แพร่หลายในสำนวนภาษาอาหรับ(บะดาอิอฺ อัต-ตัฟซีรฺ เล่มที่ 5 หน้าที่ 328-329)

    อัลลอฮฺได้สาบานด้วยเวลาเพราะมันเป็นที่เก็บรวบรวมการงานต่างๆ ของปวงบ่าวทั้งที่ดีและชั่ว และเพราะความมีเกียรติและยิ่งใหญ่ของเวลา และในการสาบานนี้ อัลลอฮฺได้เตือนมนุษย์ถึงคุณค่าของเวลาและเตือนถึงการที่พวกเขาควรกอบโกยใช้มันอย่างคุ้มค่าและให้ความสำคัญกับมัน นอกจากนี้ อัลลอฮฺยังได้สาบานกับส่วนหนึ่งของเวลาในที่อื่นๆ ในอัลกุรอาน เช่นที่อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﴿ وَٱلۡفَجۡرِ ١ وَلَيَالٍ عَشۡرٖ ٢ ﴾ [الفجر: ١- ٢]

    ความว่า “ขอสาบานด้วยเวลารุ่งอรุณและค่ำคืนทั้งสิบ(สิบคืนแรกของเดือนซุลหิจญะฮฺ) (อัล-ฟัจญ์รฺ 1-2)

    พระองค์ได้ตรัสอีกว่า

    ﴿ وَٱلَّيۡلِ إِذَا يَغۡشَىٰ ١ وَٱلنَّهَارِ إِذَا تَجَلَّىٰ ٢ ﴾ [الليل: ١- ٢]

    ความว่า “ขอสาบานด้วยเวลากลางคืนเมื่อมันปกคลุม และด้วยเวลากลางวันเมื่อมันประกายแสง” (อัล-ลัยลฺ :1-2)

    และพระองค์ยังได้ตรัสอีกว่า

    ﴿ وَٱلضُّحَىٰ ١ وَٱلَّيۡلِ إِذَا سَجَىٰ ٢ ﴾ [الضحى: ١- ٢]

    ความว่า “ขอสาบานด้วยเวลาสาย และด้วยเวลากลางคืนเมื่อมันมืดและสงัดเงียบ“ (อัฎ-ฎุหา 1-2)

    เวลานั้นมีค่ามากกว่าเงินและทอง เพราะเงินและทองนั้นสามารถชดใช้ได้ แต่เวลาหากผ่านพ้นไปแล้วไม่อาจชดใช้หรือทดแทนได้ และอายุขัยของมนุษย์ซึ่งเขามีชีวิตอยู่ได้เพียงไม่กี่สิบปีนั้นพวกเขาจะถูกสอบสวนถึงเวลาทุกอณูของมัน โดยมันเป็นคำถามหลักๆ ที่เขาจะต้องถูกสอบสวนด้วยในวันกิยามะฮฺ

    รายงานจากท่านมุอาซฺ บิน ญะบัล เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า แท้จริง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

    «مَا تَزُولُ قَدَمَا عَبْدٍ يوم الْقِيَامَةِ حَتّٰى يُسْأَلَ عن أَرْبَعٍ : عن عُمْرِهِ فِيمَ أَفْنَاهُ، وَعَنْ شَبَابِهِ فِيمَ أَبْلاهُ، وَعَنْ مَالِهِ فِيمَ اكْتَسَبَهُ وَفِيْمَ أَنْفَقَهُ، وَعَنْ عِلْمِهِ مَاذَا عَمِلَ بِهِ» [شعب الإيمان 2/286 برقم 1785- 1786]

    ความว่า “เท้าของบ่าวคนหนึ่งๆ จะไม่สามารถขยับได้ในวันกิยามะฮฺ จนกว่าเขาจะถูกสอบถามถึงสี่ประการต่อไปนี้ จะถูกถามถึงอายุขัยของเขาว่าปล่อยให้มันหมดไปอย่างไร ความเป็นหนุ่มของเขาเขาใช้มันอย่างไร ทรัพย์สินของเขาหามาได้อย่างไรและใช้จ่ายมันไปอย่างไร และความรู้ของเขาเขาเอาไปปฏิบัติใช้อย่างไร” (ชุอะบุล อีมาน เล่มที่2 หน้าที่ 286 หะดีษหมายเลข 1785-1786)

    ดังนั้น เขาจะถูกถามถึงการใช้อายุขัยของเขาในภาพรวม และในช่วงวัยหนุ่มเป็นการเฉพาะ ทั้งนี้เพราะวัยหนุ่มนั้นเป็นช่วงวัยที่มีพละกำลังและการความกระฉับกระเฉง และเป็นวัยที่สามารถทำงานได้ดีกว่าในช่วงวัยอื่นของชีวิต

    เวลา ถือเป็นนิอฺมัต(โชคลาภที่อัลลอฮฺประทานให้)ที่ดีที่สุดที่อัลลอฮฺประทานให้กับบ่าวของพระองค์ รายงานจากท่าน อับดุลลอฮฺ บิน อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ว่าแท้จริง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

    «نِعْمَتَانِ مَغْبُونٌ فِيهِمَا كَثِيرٌ مِنَ النَّاسِ : الصِّحَّةُ وَالْفَرَاغُ» [البخاري برقم 6412]

    ความว่า “สองนิอฺมัตที่มนุษย์ส่วนใหญ่ขาดทุนมัน คือการมีสุขภาพดีและมีเวลาว่าง” (อัล-บุคอรีย์หะดีษหมายเลข 6412)

    อัล-ฆ็อบนุ (ขาดทุน) นั้น คือการที่บุคคลซื้อสินค้าหนึ่งด้วยราคาที่แพงกว่าราคาปกติของมันหลายเท่า ดังนั้น ผู้ใดที่ร่างกายของเขามี่สุขภาพดีและมีเวลาว่างจากภาระงานต่างๆ แต่เขาไม่พยายามที่จะปรับปรุงอาคิเราะฮฺ(ชีวิตหลังความตาย)ของเขา บุคคลผู้นั้นจะถูกเรียกว่าเป็นผู้ขาดทุน และในตัวบทหะดีษยังบ่งบอกว่า เวลานั้นเป็นนิอฺมัตที่ใหญ่ยิ่ง บุคคลจะไม่ได้ประโยชน์จากเวลาของเขา ยกเว้นเขาได้รับเลือกจากอัลลอฮฺแล้ว และผู้ที่ได้รับประโยชน์นี้นั้นมีน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ละเลยและขาดทุนมากกว่า

    รายงานจากท่านอิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ว่าแท้จริง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

    «اغْتَنِمْ خَمْسًا قَبْلَ خَمْسٍ» وذكر منها : «وَفَرَاغَك قَبْلَ شَغْلِكَ ، وَشَبَابَك قَبْلَ هَرَمِكَ» [مستدرك الحاكم برقم 7846]

    ความว่า “จงรีบเร่งหาประโยชน์จากห้าสิ่งก่อนที่จะเกิดห้าสิ่ง” ส่วนหนึ่งในห้าสิ่งนั้นท่านได้กล่าวว่า (จงหาประโยชน์จาก)เวลาว่างของท่าน ก่อนที่ท่านจะมีภาระงาน และวัยหนุ่มของท่านก่อนที่ท่านจะแก่ตัวลง” (อัล-มุสตัดร็อก ของ อัล-หากิม 7846)

    หากใครพิจารณาสภาพของชาวสะลัฟ(ชนยุคแรกของอิสลาม) และบุคคลที่เจริญรอยตามชนเหล่านั้นแล้วเขาจะพบว่า ชาวสะลัฟนั้นจะมีความความกระตือรือร้นในการใช้เวลาของพวกเขา โดยการเติมเต็มเวลาทุกส่วน ด้วยความดี ท่านอับดุลลอฮฺ บิน มัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า “ฉันไม่เคยเสียใจกับสิ่งใดยิ่งไปกว่าการที่ดวงอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปในวันหนึ่งโดยที่อายุขัยของฉันได้สั้นลงแต่การงานที่ดีของฉันไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย”

    ท่านอิบนุล ก็อยยิม ได้กล่าวว่า “การปล่อยเวลาให้หมดไปโดยไร้ค่านั้นร้ายยิ่งกว่าความตาย เพราะการปล่อยเวลาให้หมดไปโดยไร้ประโยชน์นั้น มันทำลายการงานของท่านทั้งทางโลกดุนยาและโลกอาคิเราะฮฺ” (บะดาอิอฺ อัล-ฟะวาอิด 1/53)

    นักกวีได้กล่าวความว่า

    وَالوَقْتُ أَنْفَسُ مَا عُنِيْتَ بِحِفْظِهِ وَأَرَاهُ أَسْهَلَ مَا عَلَيْكَ يَضِيْعُ

    “เวลานั้นมีค่ายิ่งที่สุด ซึ่งควรค่าที่ท่านต้องดูแลรักษามัน

    แต่ฉันเห็นว่ามันกลับเป็นสิ่งที่ง่ายดายมาก ที่มันจะสูญหายไปจากท่าน”

    จากที่ผ่านมาจะเห็นได้ชัดเจนว่าความขาดทุนนั้นเกิดขึ้นแน่นอนกับคนที่เดินทางไปยังประเทศของผู้ปฏิเสธ เพื่อใช้เวลาช่วงนั้นด้วยการละเลยหลงลืมอย่างเสียเปล่า จึงจำเป็นที่จะต้องมีการเตือนถึงอันตรายและความเสียหายของการเดินทางลักษณะนี้ ส่วนหนึ่งก็คือ

    ประการแรก การเดินทางไปยังแผ่นดินผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อย่างชัดเจน ซึ่งมีรายงานจากท่าน ญะรีรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า แท้จริง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

    «أَنَا بَرِىءٌ مِنْ كُلِّ مُسْلِمٍ يُقِيمُ بَيْنَ أَظْهُرِ الْمُشْرِكِينَ، لاَ تَتَرَاءَى نَارَاهُمَا» [سنن الترمذي برقم 1604]

    ความว่า “ฉันนั้นหลุดพ้นไม่เกี่ยวข้องกับมุสลิมทุกคนที่อาศัยอยู่ท่ามกลางผู้ตั้งภาคี ไฟทั้งสองของคนสองกลุ่มไม่ควรจะเห็นกัน (ไม่ควรอยู่ใกล้กันจนเห็นไฟในบ้านกันและกัน) (สุนัน อัต-ติรมิซีย์ หมายเลข 1604)

    บรรดานักปราชญ์ได้ทำการยกเว้นในกรณีของผู้ที่ออกไปทำการสู้รบในหนทางของอัลลอฮฺ ผู้ที่เดินทางเพื่อเผยแพร่ศาสนา ผู้ที่เดินทางเพื่อการรักษาที่ไม่อาจรักษาได้ในประเทศของตน ผู้ที่เดินทางเพื่อศึกษาหาความรู้ที่ไม่มีในประเทศมุสลิม ทั้งหมดนั้นด้วยเงื่อนไขว่าต้องเปิดเผยศาสนาของตนเอง รู้ถึงสิ่งที่อัลลอฮฺได้กำหนดให้เป็นวาญิบเหนือตนเอง มีศรัทธาที่มั่นคงต่ออัลลอฮฺซุบฮานะหุวะตะอาลา และสามารถปฏิบัติศาสนกิจของตนเองได้ด้วยความปลอดภัยจากฟิตนะฮฺต่างๆ ซึ่งในภาวะที่มีความจำเป็นนั้นศาสนาจะมีบทบัญญัติเป็นการเฉพาะเอาไว้

    ประการที่สอง เพราะเหตุว่ามีสิ่งที่จะชักจูงไปสู่การทำสิ่งที่ชั่วและต้องห้ามจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟิตนะฮฺ(บททดสอบ)จากสตรี รายงานจากท่านอุสามะฮฺ บิน ซัยดฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ว่าแท้จริง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

    «مَا تَرَكْتُ بَعْدِى فِتْنَةً أَضَرَّ عَلَى الرِّجَالِ مِنَ النِّسَاءِ» [مسلم برقم 2741]

    ความว่า “ฉันไม่ได้ทิ้งไว้ซึ่งฟิตนะฮฺใดที่เป็นอันตรายสำหรับผู้ชายมากกว่าฟิตนะฮฺที่มาจากผู้หญิง” (เศาะฮีหฺ มุสลิม 2741)

    และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวเช่นกันว่า

    «فَاتَّقُوا الدُّنْيَا وَاتَّقُوا النِّسَاءَ» [مسلم برقم 2742]

    ความว่า “จงยำเกรงเกี่ยวกับดุนยา และจงยำเกรงเกี่ยวกับผู้หญิง” (เศาะฮีหฺ มุสลิม 2742)

    ท่านเชค อับดุลอะซีซ บิน บาซ เราะหิมะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า การเดินทางไปยังประเทศที่มีการปฏิเสธศรัทธา หลงผิด เปิดเสรี และมีการผิดประเวณี ดื่มเหล้าอย่างเปิดเผย การปฏิเสธศรัทธาและหลงทางแพร่หลายนั้น เป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับบุรุษและสตรี มีคนที่ดีจำนวนไม่น้อยที่เดินทางไปและกลับมาในสภาพเสื่อมเสีย มุสลิมหลายคนกลับมาในสภาพที่เป็นกาฟิรฺ อันตรายจากการเดินทางลักษณะนี้นั้นใหญ่ยิ่ง วาญิบที่จะต้องมีการระมัดระวังในการเดินทางไปยังประเทศพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นในช่วงการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์หรืออื่นๆ ก็ตามที”

    ประการที่สาม เป็นการใช้เวลาสิ้นเปลืองกับสิ่งที่อัลลอฮฺไม่พึงพอใจ ซึ่งเวลานั้นดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าจะต้องถูกสอบถามในวันอาคีเราะฮฺ

    ประการที่สี่ เป็นการสิ้นเปลืองทรัพย์สินจำนวนมากในสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ในสิ่งที่เป็นการสนองตันหา อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

    ﴿إِنَّ ٱلۡمُبَذِّرِينَ كَانُوٓاْ إِخۡوَٰنَ ٱلشَّيَٰطِينِۖ وَكَانَ ٱلشَّيۡطَٰنُ لِرَبِّهِۦ كَفُورٗا ٢٧﴾ [الإسراء: ٢٧]

    ความว่า “แท้จริง บรรดาผู้สุรุ่ยสุร่ายนั้นเป็นพวกพ้องของเหล่าชัยฏอน และชัยฏอนนั้นเนรคุณต่อพระเจ้าของมัน“ (อัล-อิสรออ์ 27)

    ประการที่ห้า ผู้ที่เดินทางอาจไม่ปลอดภัยจากการไขว้เขวในหลักศรัทธา จริยธรรม และการปฏิบัติในศาสนกิจและอื่นๆ และหากตัวเขาปลอดภัยจากสิ่งเหล่านั้น ก็อาจคงเหลืออยู่ในความทรงจำของลูกๆ ของเขาซึ่งภาพของเมืองที่เต็มไปด้วยโบสถ์ สถานที่ที่เสื่อมเสีย ที่ที่มีการเผยเอาเราะฮฺ เปลือยกาย และมีการขายเหล้าสุราตามถนนหนทางอย่างโจ่งแจ้ง เหล่านี้ก็คือการเสื่อมเสียที่หายนะเพียงพอแล้ว

    ประการที่หก การประสบเจอบ่อยครั้งกับสิ่งที่เป็นที่ต้องห้าม เช่นการละเลยการละหมาดของผู้คน การเปิดเอาเราะฮฺของสตรี การซื้อขายสิ่งที่ต้องห้ามต่างๆ และอื่น สิ่งเหล่านี้จะทำให้การสั่งใช้ในความดีและห้ามปรามในความชั่วที่จะต้องมีในใจผู้ที่ศรัทธานั้นอ่อนแอลง เพราะเขาจะต้องห้ามปรามในสิ่งขัดกับหลักศาสนา รายงานจากท่าน อบู สะอีด อัล-คุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าแท้จริง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

    «مَنْ رَأَى مِنْكُمْ مُنْكَرًا فَلْيُغَيِّرْهُ بِيَدِهِ، فَإِنْ لَمْ يَسْتَطِعْ فَبِلِسَانِهِ، فَإِنْ لَمْ يَسْتَطِعْ فَبِقَلْبِهِ، وَذَلِكَ أَضْعَفُ الإِيمَانِ» [مسلم برقم 49]

    ความว่า “ใครคนหนึ่งในหมู่พวกท่านที่เห็นความชั่ว เขาจงเปลี่ยนแปลงมันด้วยมือของเขา หากเขาไม่มีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้ ก็ให้เขาเปลี่ยนแปลงมันด้วยลิ้น(การพูด) และถ้าหากเขาไม่มีความสามารถอีก ให้เขาจงเปลี่ยนแปลงมันด้วยการปฏิเสธสิ่งนั้นในใจ และนั่นคือความศรัทธาขั้นต่ำสุด”(เศาะฮีหฺ มุสลิม หมายเลข 49)

    และความเสียหายประการอื่นๆ อีกมากมาย

    وسبحانك اللهم وبحمدك، أشهد أن لا إله إلا أنت أستغفرك وأتوب إليك.

    หมวดหมู่