الحياء
أعرض المحتوى باللغة الأصلية
الكلام عن الحياء، معناه وحقيقته وأهميته وبعض النماذج من السلف الصالح في ذلك، وهي مقالة مختصرة مقتبسة من كتاب الدرر المنتقاة من الكلمات الملقاة للشيخ الدكتور أمين بن عبدالله الشقاوي
ความละอาย
﴿الحياء﴾
] ไทย – Thai – تايلاندي [
ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์
แปลโดย : ฟารีด กรีมละ
ผู้ตรวจทาน : ฟัยซอล อับดุลฮาดีย์
ที่มา : หนังสือ อัด-ดุร็อรฺ อัล-มุนตะกอฮฺ มิน อัล-กะลีมาต อัล-มุลกอฮฺ
2011 - 1432
﴿الحياء﴾
« باللغة التايلاندية »
د. أمين بن عبدالله الشقاوي
ترجمة: فريد كريم لأ
مراجعة: فيصل عبد الهادي
المصدر: كتاب الدرر المنتقاة من الكلمات الملقاة
2011 - 1432
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
ความละอาย
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ พรและความศานติพึงประสบแก่ท่านศาสนทูตของพระองค์ และฉันปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์เพียงองค์เดียว ไม่มีภาคีใดต่อพระองค์ และฉันปฏิญาณว่า มุหัมมัด คือบ่าวและศาสนทูตของพระองค์
ส่วนหนึ่งจากคุณลักษณะที่ดีงามที่ศาสนาเรียกร้องให้ปฏิบัติคือ ความละอาย
อัลลอฮฺ ได้ตรัสถึงท่านนบีมูซา อะลัยฮิสสลาม ขณะที่ได้นำน้ำให้แก่สตรีทั้งสองว่า
ﭽ ﮌ ﮍ ﮎ ﮏ ﮐ ﮑ ﮒ ﮓ ﮔ ﮕ ﮖ ﮗ ﮘ ﮙﮚﭼ
ความว่า : นางคนหนึ่งในสองคนได้มาหาเขา เดินมาอย่างขวยเขิน แล้วกล่าวขึ้นว่า คุณพ่อของดิฉันขอเชิญท่านไป เพื่อจะตอบแทนค่าแรงแก่ท่านที่ได้ช่วยตักน้ำให้เรา
จากท่านสะอีด อิบนุ ซัยดฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า:
أَنَّ رَجُلاً قال : يارسول الله : أَوْصِنِيْ ، قال «أُوصِيكَ أَنْ تَسْتَحِيَ مِنَ اللهِ عَزَّ وَجَلَّ ، كَمَا تَسْتَحِيَ رَجُلاً مِنْ صَالِحِيْ قَوْمِكَ»
ความว่า : มีชายคนหนึ่งได้กล่าวว่า โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ โปรดสั่งเสียแก่ฉันเถิด ท่านศาสนทูต จึงกล่าวว่า “ ฉันขอสั่งเสียแก่ท่าน ให้ท่านละอายต่ออัลลอฮฺเสมือนที่ท่านละอายต่อบรุษผู้หนึ่งที่ทรงคุณธรรมในหมู่ชนของท่าน” (อัซ-ซุฮฺดฺ โดยอิมาม อะหฺมัด 14, อัช-ชุอับ โดย อัล-บัยฮะกียฺ 6/145-146 เลขที่ 7738)
และจากท่าน อบูมัสอูด อัล-บัดรียฺ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านกล่าวว่า
«إِنَّ مِمَّا أَدْرَكَ النَّاسُ مِنْ كَلَامِ النُّبُوَّةِ الْأُولَىٰ: إِذَا لَمْ تَسْتَحْيِ فَاصْنَعْ مَا شِئْتَ»
ความว่า : “แท้จริงประการหนึ่งที่มนุษย์ได้จากคำพูดของนบีท่านก่อนๆ คือ ตราบใดที่ท่านไม่มีความละอายแล้วไซร้ ท่านก็จงปฏิบัติตามที่ท่านปรารถนาเถิด” (อัล-บุคอรียฺ 6120)
ได้มีรายงานจากท่าน อบู ฮุร็อยเราะฮฺว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า:
«الإِيمَانُ بِضْعٌ وَسَبْعُونَ، أَوْ بِضْعٌ وَسِتُّونَ شُعْبَةً، فَأَفْضَلُهَا قَوْلُ لاَ إِلٰهَ إِلاَّ اللَّهُ، وَأَدْنَاهَا إِمَاطَةُ الأَذَى عَنِ الطَّرِيقِ، وَالْحَيَاءُ شُعْبَةٌ مِنَ الإِيمَانِ»
ความว่า: “ การศรัทธามีเจ็ดสิบกว่าแขนง หรือ หกสิบกว่าแขนง ที่ประเสริฐที่สุดคือ คำกล่าวว่า ลาอิลาฮาอิลลัลลลอฮฺ ที่ต่ำที่สุดคือ การขจัดขวากหนามออกจากเส้นทางสัญจร และความละอายเป็นแขนงหนึ่งของการศรัทธา” (อัล-บุคอรียฺ 9, มุสลิม 162)
อาหรับยุคญาฮิลียะฮฺก็มีคุณลักษณะของความละอายเช่นเดียวกัน จะเห็นได้จาก อะบูสุฟยานก่อนที่ท่านจะเข้ารับอิสลามเมื่อได้ยืนต่อหน้า เฮลาคิอุส จักรพรรดิอที่เขาจะได้ถามถึงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อบูสุฟยานได้กล่าวถึงตัวของเขาว่า “หากแม้นว่าความละอายจะไม่ส่งผลกระทบต่อการถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้โกหกแล้วไซร้ แน่นอนฉันจะกล่าวเท็จต่อเขา”
ท่านอิบนุก็อยยิม กล่าวว่า “ ความละอายถูกสร้างขึ้นมาจากมารยาทที่ประเสริฐสุด สูงส่งสุด ยิ่งใหญ่ที่สุด และมีประโยชน์มากที่สุด เป็นลักษณะเฉพาะของมนุษย์ ดังนั้นบุคคลใดก็ตามที่ไม่มีความละอายในตัวของเขา เขาหาได้มีความเป็นมนุษย์อยู่ในตัวไม่ นอกเสียจากเป็นเพียงก้อนเนื้อ ก้อนเลือด และรูปลักษณ์แห่งความเป็นมนุษย์ เฉกเช่นกับเขาไม่มีคุณธรรมความดีประการใด หากไม่มีมารยาทนี้ (ความละอาย) แล้วไซร้ เขาจะไม่ให้เกียรติต่อแขก ไม่รักษาสัญญา ไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่ได้รับไว้เนื้อเชื่อใจ (อะมานะฮฺ) ไม่จัดการกิจธุระคนอื่น ไม่เลือกในสิ่งที่ดีเพื่อปฏิบัติและต่อสิ่งน่ารังเกียจเพื่อละทิ้ง ไม่ปกปิดสิ่งพึงสงวน และไม่ละเลิกต่อพฤติกรรมที่ชั่วช้า แท้จริงผลสืบเนื่องจากพฤติกรรมเหล่านั้นในศาสนา คือ ความหวังต่อบั้นปลายที่น่าสรรเสริญ ส่วนในดุนยา คือ ผู้ปฏิบัติประการเหล่านั้นจะได้คุณลักษณะของความละอายเป็นมารยาทของเขา และเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า หากแม้นไม่มีความละอายไม่ว่าต่อผู้ทรงสร้างหรือผู้ถูกสร้าง เขาย่อมไม่กระทำการงานเหล่านี้ (มุคตะศ็อรฺ กิตาบ มิฟตาหฺ ดารฺ อัส-สะอาดะฮฺ โดยอิบนุล ก็อยยิม 277 อ้างจากหนังสือนัฎเราะตุนนะอีม 5/1802)
ท่านอุมัร กล่าวว่า เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ “ใครก็ตามที่มีความละอายเพียงน้อยนิด ความสำรวมของเขาก็จะน้อยตามไปด้วย และใครก็ตามที่มีความสำรวมเพียงเล็กน้อย หัวใจของเขาก็จะตายด้าน” (มะการิม อัล-อัคลาก โดยอิบนุ อบี อัด-ดุนยา 82-83 เลขที่ 93)
ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อัมรฺ อิบนุ อาศ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา กล่าวว่า “ท่านเราะสูลได้เดินผ่านชายคนหนึ่งจากชาวอันซอรในขณะที่เขากำลังตักเตือนพี่น้องของเขาถึงความละอาย ท่านเราะสูลได้กล่าวขึ้นว่า ปล่อยให้เขาตักเตือนไปเถิด เพราะความละอายเป็นส่วนหนึ่งของการศรัทธา” (เศาะฮีหฺ อัล-บุคอรียฺ 1/24 เลขที่24, เศาะฮีหฺมุสลิม 1/63 เลขที่: 36)
นักกวีกล่าวว่า
หากแม้นท่านไม่กลัวในช่วงท้ายของกลางคืน
ท่านไม่ละอายก็จงทำตามประสงค์เถิด
ไม่หรอก ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ไม่มีความดีใดในชีวิต
และในดุนยาตราบใดที่ไม่มีความอาย
มนุษย์คงจะใช้ชีวิตโดยไม่ละอายต่อความดี
เหลือเพียงไว้ไม้หอมที่อยู่ในเปลือก
ท่านอิบนุก็อยยิมกล่าวว่า “และบางประการของผลตอบแทนของผู้กระทำความผิด คือการไม่มีความละอายซึ่งเป็นแก่นแท้ของจิตวิญญาณ มันคือรากฐานของความดีทุกประการ การไม่มีความละอาย ก็คือ การจากไปของความดีทุกประการ ได้ปรากฏในหะดีษที่เศาะฮีหฺ ว่า “ความละอายจะไม่นำพาสิ่งใด นอกเสียจากความดีงาม” ความหมายคือความผิดจะทำให้ความอายของบ่าวนั้นแผ่วลง และบางทีมันอาจจะหมดไปเลย จนกระทั่งบางทีนั้นเขาไม่รู้สึกสะทกสะท้านเมื่อมีคนอื่นรู้หรือเห็นสภาพที่ไม่ดีของเขา ถึงแม้คนส่วนใหญ่จะโพนทะนาสภาพและพฤติกรรมที่ไม่ดีของเขาก็ตาม และสาเหตุที่ให้เขาเป็นเช่นนั้นคือ การไม่มีความละอาย เมื่อบ่าวถึงสภาพนี้เขาจะไม่มีความปรารถนาในความดี และบุคลใดที่ละอายต่ออัลลอฮฺในความผิดบาปของเขา อัลลอฮฺจะทรงละอายจากการลงโทษต่อเขาในวันที่บ่าวจะกลับไปพบพระองค์ และบุคคลใดที่ไม่ละอายต่อความผิดบาปของเขา อัลลอฮฺก็จะมิทรงละอายต่อการลงโทษเขา (อัล-ญะวาบ อัล-กาฟีย์ ลิมัน สะอะละ อัน อัด-ดะวาอ์ อัช-ชาฟีย์ 61-62)
และตัวอย่างคือ บางคนได้เดินทางออกนอกประเทศเพื่อสนองตัญหาและอารมณ์ใคร่ ภายหลังจากนั้นเขาได้มาเล่าให้บุคคลอื่นๆ ถึงพฤติกรรมที่ต่ำทรามของเขาที่เขาได้ประพฤติ ไม่ว่าจะเป็นการดื่มเหล้า ผิดประเวณี และอื่นๆ ที่เป็นสิ่งที่ชั่วช้า
จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านกล่าวว่า:
«كُلُّ أُمَّتِي مُعَافًى إِلَّا الْمُجَاهِرِينَ، وَإِنَّ مِنْ الْمُجَاهَرَةِ أَنْ يَعْمَلَ الرَّجُلُ بِاللَّيْلِ عَمَلًا ثُمَّ يُصْبِحَ وَقَدْ سَتَرَهُ اللَّهُ عَلَيْهِ، فَيَقُولَ : يَا فُلَانُ عَمِلْتُ الْبَارِحَةَ كَذَا وَكَذَا، وَقَدْ بَاتَ يَسْتُرُهُ رَبُّهُ وَيُصْبِحُ يَكْشِفُ سِتْرَ اللَّهِ عَنْهُ»
ความว่า : “ประชาชาติของฉันล้วนได้รับการอภัยนอกจากมุญาฮิรีน (ผู้ที่ป่าวประกาศในความชั่วของตน) และส่วนหนึ่งจากการป่าวประกาศความชั่วนั้นคือ การที่ชายคนหนึ่งได้ประพฤติสิ่งที่ไม่ดีในยามกลางคืนพอมาในตอนเช้า อัลลอฮฺได้ทรงปกปิดความประพฤติของเขา หลังจากนั้นเขา กล่าวว่า โอ้ท่าน ฉันได้ทำอย่างนี้อย่างนั้น เขาได้นอนกลางคืนโดยที่พระผู้อภิบาลของเขาได้ทรงปกปิดพฤติกรรมของเขา พอในยามเช้าเขากลับมาเปิดเผยในสิ่งที่พระองค์ทรงปกปิด” (บันทึกโดย อัล-บุคอรียฺ 4/104 เลขที่: 6069 และมุสลิม 4/2298 เลขที่: 2990)
สำหรับส่วนของพวกเขาเหล่านี้ คือบุคคลดังดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า
ﭽ ﯳ ﯴ ﯵ ﯶ ﯷ ﯸ ﯹ ﯺ ﯻ ﯼ ﯽ ﯾ ﯿ ﰀ ﰁﰂ ﰃ ﰄ ﰅ ﰆ ﰇ ﰈﭼ
ความว่า : แท้จริงบรรดาผู้ชอบที่จะให้เรื่องบัดสีแพร่หลายไปในหมู่ผู้ศรัทธานั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างเจ็บปวดทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และอัลลอฮฺทรงรอบรู้และพวกเจ้าไม่รู้ (อัน-นูร : 19 )
และณ ตรงนี้เป็นเรื่องที่สมควรระวังคือ การละเว้นต่อการสั่งใช้ในกิจการความดีและหักห้ามจากความชั่วช้า ไม่จัดว่าเป็นความละอาย เพราะอัลลอฮฺทรงมีดำรัสว่า
ﭽ ﯙ ﯚ ﯛ ﯜ ﯝﯞ ﭼ
ความว่า : และอัลลอฮฺมิทรงละอายต่อสัจธรรม (อัล-อะหฺซาบ : 53 )
ท่านอิมามอัน-นะวะวียฺ กล่าวว่า “อาจมีปัญหาสำหรับบางคนว่าผู้ที่มีคุณลักษณะแห่งความละอาย จนกระทั่งละอายต่อการแนะนำผู้คนในเรื่องราวของสัจธรรม เขาจึงละทิ้งการแนะนำในสิ่งที่เป็นความดีงามและห้ามปรามในเรื่องชั่วช้า และบางทีความอายอาจเป็นเหตุให้เกิดข้อบกพร่องต่อสิทธิต่างๆ สำหรับคำตอบของประเด็นนี้นักวิชาการบางท่าน เช่น อบูอัมรฺ อิบนุ เศาะลาหฺ ได้ให้คำตอบว่า “ตัวการที่ขัดขวางในการไม่แนะนำในเรื่องของสัจธรรมไม่ใช่ความละอายหรอก หากแต่มันคือ ความอ่อนแอ ไร้ศักยภาพ และไร้เรี่ยวแรง ความละอายที่แท้จริงคือมารยาทที่กระตุ้นต่อการละทิ้งพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ และหักห้ามต่อการความสะเพร่าต่อสิทธิของผู้ที่มีสิทธิ์นั้นๆ [ชัรหฺ เศาะฮีหฺ อัล-มุสลิม 1/5-6]
ท่านนบีได้ส่งเสริมการหักห้ามในสิ่งที่เป็นความชั่วช้าและสั่งใช้ให้มีการเปลี่ยนแปลง ดังการรายงานของท่านอบู สะอีด อัล-คุดรียฺ ว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า:
«مَنْ رَأَى مِنْكُمْ مُنْكَرًا فَلْيُغَيِّرْهُ بِيَدِهِ، فَإِنْ لَمْ يَسْتَطِعْ فَبِلِسَانِهِ، فَإِنْ لَمْ يَسْتَطِعْ فَبِقَلْبِهِ، وَذَلِكَ أَضْعَفُ الإِيمَانِ»
ความว่า : “ใครก็ตามที่เห็นความไม่ดีในหมู่พวกท่านดังนั้นเขาจงเปลี่ยนแปลงมันด้วยกับมือเสีย หากไม่มีความสามารถก็ด้วยกับลิ้น และหากไม่มีความสามารถก็ด้วยกับหัวใจ และนี่คืออีหม่านที่อ่อนแอที่สุด” (บันทึกโดย มุสลิม 1/69 เลขที่: 49)
และมวลการสรรเสริญทั้งหลายเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ พระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล และขออัลลอฮฺทรงประทานพรอันประเสริฐและความศานติแด่นบีของเรามุหัมมัด วงศ์วานของท่าน และสหายของท่านทั้งหลาย