وقفة مع آيات من كتاب الله في نعيم أهل الجنة

أعرض المحتوى باللغة الأصلية anchor

translation ผู้เขียน : อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์
1

รางวัลสำหรับชาวสวรรค์

2.5 MB DOC
2

รางวัลสำหรับชาวสวรรค์

273.6 KB PDF

مقالة مترجمة إلى اللغة التايلاندية مقتبسة من كتاب «الدرر المنتقاة من الكلمات الملقاة» للدكتور أمين بن عبد الله الشقاوي، وفيه تفسير للآيات 55-58 من سورة يس، التي تذكر نعيم أهل الجنة، وأنهم منعمون فيها بكل أنواع النعم، وفوق ذلك كله أن الله تعالى يكشف عنهم الحجاب فينظرون إلى ربهم وهي أعظم نعم أهل الجنة فيها.

    รางวัลสำหรับชาวสวรรค์

    ] ไทย – Thai – تايلاندي [

    ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์

    แปลโดย : อับดุศศอมัด อัดนาน

    ตรวจทานโดย : ยูซุฟ อบูบักรฺ

    ที่มา : หนังสือ อัด-ดุรอร อัล-มุนตะกอฮฺ มิน อัล-กะลีมาต อัล-
    มุลกอฮฺ

    2014 - 1435

    وقفة مع آيات من كتاب الله في نعيم أهل الجنة

    « باللغة التايلاندية »

    د. أمين بن عبدالله الشقاوي

    ترجمة: عبدالصمد عدنان

    مراجعة: يوسف أبوبكر

    المصدر: كتاب الدرر المنتقاة من الكلمات الملقاة

    2014 - 1435

    ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ

    เรื่องที่ 88

    รางวัลสำหรับชาวสวรรค์ (สูเราะฮฺ ยาซีน 55-58)

    การสรรเสริญทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ การสดุดีสรรเสริญและความศานติจงมีแด่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรได้รับการภักดีนอกจากอัลลอฮฺเพียงผู้เดียว โดยไม่มีภาคีหุ้นส่วนอันใดสำหรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่าท่านนบีมุหัมมัดคือบ่าวของอัลลอฮฺและเป็นศาสนทูตของพระองค์...

    อัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลาได้ตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า

    ﴿ إِنَّ أَصۡحَٰبَ ٱلۡجَنَّةِ ٱلۡيَوۡمَ فِي شُغُلٖ فَٰكِهُونَ ٥٥ هُمۡ وَأَزۡوَٰجُهُمۡ فِي ظِلَٰلٍ عَلَى ٱلۡأَرَآئِكِ مُتَّكِ‍ُٔونَ ٥٦ لَهُمۡ فِيهَا فَٰكِهَةٞ وَلَهُم مَّا يَدَّعُونَ ٥٧ سَلَٰمٞ قَوۡلٗا مِّن رَّبّٖ رَّحِيمٖ ٥٨ ﴾ [يس: ٥٥-٥٨]

    ความว่า “แท้จริง ในวันนั้นชาวสวรรค์จะอยู่ในกิจกรรมอันสุขสำราญ ทั้งพวกเขาและคู่ครองของพวกเขาจะนอนเอกเขนกบนเก้าอี้นวม อยู่ภายใต้ร่มไม้ที่แสนร่มรื่น ในสวนสวรรค์นั้นจะมีผลไม้ (หลากชนิด) และจะมีสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับพวกเขา พวกท่านพึงอยู่ในความศานติเถิด คือพระดำรัสหนึ่งจากพระเจ้าผู้ทรงเมตตาเสมอ” (ยาซีน : 55-58 )

    ความหมายของโองการที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

    ﴿ إِنَّ أَصۡحَٰبَ ٱلۡجَنَّةِ ٱلۡيَوۡمَ فِي شُغُلٖ فَٰكِهُونَ ٥٥﴾ [يس: ٥٥]

    อิบนุกะษีร ได้อธิบายว่า “อัลลอฮฺได้บอกกล่าวให้เราทราบเกี่ยวกับชาวสวรรค์ว่า ในวันกิยามะฮฺนั้นเมื่อชาวสวรรค์ได้เคลื่อนออกจากอัล-อะรอศอตหมายถึงสถานที่ชุมนุมรวมตัวกันของชาวสวรรค์หลังจากที่ได้ข้ามสะพานผ่านไปแล้ว พวกเขาก็จะเข้าไปพำนักในสวนสวรรค์ ซึ่งแต่ละคนต่างก็หมกหมุ่นอยู่กับการจัดแจงตนเอง เนื่องด้วยความโปรดปรานอันบรมสุขที่พวกเขาได้พบเจอในขณะนั้น”

    อิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ให้ความหมายของคำว่า ( فَٰكِهُونَ ) หมายถึง “พวกเขามีความรื่นรมย์ใจ” ในขณะที่นักอรรถาธิบายอัลกุรอานบางท่านให้ความหมายว่า ”พวกเขามีความสุขใจ ดื่มด่ำกับสิ่งที่ตนเองชื่นชอบ มีความปรารถนาที่จะได้รับในสิ่งที่ต้องการ และส่วนหนึ่งจากสิ่งที่พวกเขาปรารถนา คือ การที่จะได้แต่งงานกับสาวสวรรค์ซึ่งมีความสวยงามยิ่งพร้อมกับมีจรรยามารยาทอันประเสริฐ” ( อิบนุกะษีร เล่มที่ : 3 หน้า : 575 และตัฟซีรอัส-สะอฺดีย์ หน้า : 819 )

    ส่วนความหมายของโองการที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

    ﴿هُمۡ وَأَزۡوَٰجُهُمۡ فِي ظِلَٰلٍ عَلَى ٱلۡأَرَآئِكِ مُتَّكِ‍ُٔونَ ٥٦﴾ [يس: 56]

    หมายถึง “พวกเขาจะนอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้นวมอันแสนอบอุ่น ภายใต้ร่มไม้ที่แสนจะร่มรื่น สวมอาภรณ์ที่เลิศหรูอย่างยิ่ง ดำรงอยู่ในสภาพของผู้ที่มีความสุขสบาย สงบร่มเย็นมากยิ่งนัก”

    ส่วนความหมายโองการที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

    ﴿لَهُمۡ فِيهَا فَٰكِهَةٞ وَلَهُم مَّا يَدَّعُونَ ٥٧﴾ [يس: 57]

    หมายถึง “ผลไม้อันมากมายหลากหลายชนิดที่มีรสชาติแสนอร่อย ทั้งองุ่น มะเดื่อ ทับทิม และอื่นๆ อีกมากมาย โดยที่เมื่อพวกเขาปรารถนาที่จะรับประทานผลไม้ชนิดใดก็ตาม พวกเขาจะได้รับอย่างสมปรารถนา ดั่งที่อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ว่า

    ﴿ يُطَافُ عَلَيۡهِم بِصِحَافٖ مِّن ذَهَبٖ وَأَكۡوَابٖۖ وَفِيهَا مَا تَشۡتَهِيهِ ٱلۡأَنفُسُ وَتَلَذُّ ٱلۡأَعۡيُنُۖ وَأَنتُمۡ فِيهَا خَٰلِدُونَ ٧١ ﴾ [الزخرف: ٧١]

    ความว่า “จะมีอาหารใส่จานทองคำและเครื่องดื่มถูกนำมาบริการเวียนรอบๆ พวกเขา และในสวนสวรรค์นั้น จะมีสิ่งที่จิตใจของพวกเขาต้องการและสายตาของพวกเขาชื่นชอบยินดี และพวกเจ้าจะได้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล” (อัซ-ซุครุฟ : 71)

    ส่วนความหมายโองการที่อัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

    ﴿ سَلَٰمٞ قَوۡلٗا مِّن رَّبّٖ رَّحِيمٖ ٥٨ ﴾ [يس: ٥٨]

    ชัยคฺอับดุรเราะมาน อัส-สะอฺดีย์ อธิบายว่า “นี่คือคำดำรัสของอัลลอฮฺที่พระองค์จะกล่าวแก่ชาวสวรรค์ โดยที่เน้นด้วยคำว่า (قَوۡلٗا ) ครั้งเมื่ออัลลอฮฺได้กล่าวสลามแก่ชาวสวรรค์แล้ว พวกเขาจะได้รับความสุขไปตลอดกาล เป็นคำกล่าวสลามอันทรงคุณค่าสูงสุด ซึ่งดีที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยได้รับมา นับเป็นความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ ท่านคิดอย่างไรกับคำกล่าวต้อนรับของผู้ทรงอภิสิทธิ์ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งจะกล่าวแก่ผู้ที่ได้เข้าไปอยู่ในสวนสวรรค์ของพระองค์ โดยที่พระองค์จะไม่ทรงกริ้วโกรธพวกเขาตลอดกาล และพระองค์จะให้พวกเขามีชีวิตอย่างนิจนิรันดร์ พร้อมกับมีชีวีอันเปี่ยมสุขอย่างจีรัง โอ้อัลลอฮฺขอได้โปรดให้พวกเราได้รับความโปรดปรานประการนี้ด้วยเถิด และขอให้พวกเราได้ยลพระพักต์อันเจิดจรัสของพระองค์ด้วยเถิด” (ตัฟซีรอัส-สะอฺดีย์ หน้า : 819-820)

    คำสอนที่ได้รับจากโองการนี้

    1. ในสวนสวรรค์จะมีบรรดาคู่ครองซึ่งมีความสะอาดบริสุทธิ์ ที่บรรดาบุรุษเพศจะได้มีความสุขสำราญกับพวกเธอ โดยที่บรรดาชาวสวรรค์จะมานั่งพักผ่อนภายใต้ร่มไม้ที่แสนร่มรื่นบนเก้าอี้นวมที่แสนอบอุ่น โดยมีบรรดาเด็กคอยเดินให้บริการวนเวียนนำอาหารมาเสิร์ฟอยู่ตลอดเวลาทุกครั้งที่เขามีความปรารถนาต้องการอาหาร อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

    ﴿ ...وَلَهُمۡ فِيهَآ أَزۡوَٰجٞ مُّطَهَّرَةٞۖ ... ﴾ [البقرة : 25]

    ความว่า “และในสวนสวรรค์พวกเขาจะมีคู่ครองที่บริสุทธิ์” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 25 ) มุญาฮิด กล่าวว่า “หมายถึงพวกเธอจะปราศจากเลือดประจำเดือน อุจจาระ ปัสสาวะ ไม่มีสิ่งสกปรกที่จะออกมาจากเรือนร่างของเธอ ไม่มีอสุจิ และเธอจะไม่คลอดบุตร”

    และอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ตรัสอีกว่า

    ﴿فِيهِنَّ قَٰصِرَٰتُ ٱلطَّرۡفِ لَمۡ يَطۡمِثۡهُنَّ إِنسٞ قَبۡلَهُمۡ وَلَا جَآنّٞ﴾ [الرحمن : 56]

    ความว่า “ ในสวนสวรรค์เหล่านั้นมีหญิงสาวพรหมจารี ผู้ลดสายตาลงต่ำ (มองเฉพาะสามีของเธอเท่านั้น) ซึ่งไม่มีมนุษย์และญินได้เคยสัมผัสแตะเนื้อต้องตัวพวกเธอมาก่อนหน้าเลย” (อัร-เราะฮฺมาน : 56 )

    อิหม่ามอัล-บุคอรีย์ได้บันทึกหะดีษจากอะนัส บิน มาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮู เล่าว่า ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

    «لَرَوْحَةٌ فِي سَبِيلِ اللَّهِ أَوْ غَدْوَةٌ خَيْرٌ مِنْ الدُّنْيَا وَمَا فِيهَا، وَلَقَابُ قَوْسِ أَحَدِكُمْ مِنْ الْجَنَّةِ أَوْ مَوْضِعُ قِيدٍ ـ يَعْنِي سَوْطَهُ ـ خَيْرٌ مِنْ الدُّنْيَا وَمَا فِيهَا، وَلَوْ أَنَّ امْرَأَةً مِنْ أَهْلِ الْجَنَّةِ اطَّلَعَتْ إِلَى أَهْلِ الْأَرْضِ لَأَضَاءَتْ مَا بَيْنَهُمَا، وَلَمَلَأَتْهُ رِيحًا، وَلَنَصِيفُهَا عَلَى رَأْسِهَا خَيْرٌ مِنْ الدُّنْيَا وَمَا فِيهَا» [رواه البخاري]

    ความว่า “การออกสู่สนามรบไม่ว่าในยามเช้าหรือยามเย็น ย่อมดีกว่าโลกนี้และดีกว่าทุกสรรพสิ่งที่มีอยู่ในโลกนี้ และพื้นที่ในสวนสวรรค์เพียงน้อยนิด ปริมาณแค่คันธนูหรือแค่หนึ่งศอกของพวกท่านย่อมดีกว่าโลกนี้และทุกสรรพสิ่งที่มีอยู่ในโลกนี้ และหากสาวสวรรค์คนหนึ่งมาปรากฏกายบนโลกนี้ แน่นอนว่าจะเปล่งรัศมีเจิดจ้าในระหว่างชั้นฟ้าและแผ่นดิน พร้อมทั้งส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว และผ้าคลุมศรีษะของสาวสวรรค์นั้นย่อมดีกว่าโลกนี้และดีกว่าทุกสรรพสิ่งที่มีอยู่ในโลกนี้” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข : 1880 )

    อิหม่ามอัด-ดาริมีย์ ได้บันทึกหะดีษของซัยดฺ บิน อัรกอม เราะฎิยัลลอฮุอันฮู เล่าว่า ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

    «إِنَّ الرَّجُلَ مِنْ أَهْلِ الْجَنَّةِ لَيُعْطَى قُوَّةَ مِائَةِ رَجُلٍ فِى الأَكْلِ وَالشُّرْبِ وَالْجِمَاعِ وَالشَّهْوَةِ ». [رواه الدارمي]

    ความว่า “แท้จริงอัลลอฮฺจะให้พละกำลังแก่บุรุษชาวสวรรค์เท่ากับกำลังความเข้มแข็งของชายหนึ่งร้อยคน ในด้านการรับประทาน การดื่ม การร่วมประเวณี และในเรื่องของอารมณ์ทางเพศ” ( บันทึกโดยอัด-ดาริมีย์ หมายเลข : 2825 )

    2. ในสวนสวรรค์มีแม่น้ำหลายสายและผลไม้อันหลากหลาย แต่ทว่าจะมีความแตกต่างจากแม่น้ำและผลไม้ในโลกนี้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งมนุษย์เราไม่สามารถรู้ถึงแก่นแท้ของสิ่งเหล่านั้นได้ ดังที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

    ﴿ فَلَا تَعۡلَمُ نَفۡسٞ مَّآ أُخۡفِيَ لَهُم مِّن قُرَّةِ أَعۡيُنٖ جَزَآءَۢ بِمَا كَانُواْ يَعۡمَلُونَ ١٧ ﴾ [السجدة: ١٧]

    ความว่า “ดังนั้น จึงไม่มีชีวิตใดรู้สิ่งที่ถูกซ่อนไว้สำหรับพวกเขา ให้เป็นที่รื่นรมย์แก่สายตา เป็นการตอบแทนในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้” (อัส-สะญะดะฮฺ : 17 )

    อิบนุ อับบาส อธิบายว่า ”ไม่มีสิ่งใดในสวนสวรรค์ที่จะเหมือนกับสิ่งที่มีอยู่ในโลกดุนยานี้ นอกจากชื่อเท่านั้นที่เหมือนกัน”

    มีหะดีษจากอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮู เล่าว่า ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

    «قَالَ اللَّهُ تعالى : أَعْدَدْتُ لِعِبَادِي الصَّالِحِينَ مَا لَا عَيْنٌ رَأَتْ، وَلَا أُذُنٌ سَمِعَتْ، وَلَا خَطَرَ عَلَى قَلْبِ بَشَرٍ، فَاقْرَءُوا إِنْ شِئْتُمْ ﴿فَلَا تَعْلَمُ نَفْسٌ مَا أُخْفِيَ لَهُمْ مِنْ قُرَّةِ أَعْيُنٍ﴾» [رواه البخاري ومسلم]

    ความว่า “อัลลอฮฺตรัสว่า ฉันได้เตรียมการตอบแทนไว้สำหรับบรรดาปวงบ่าวของฉัน เป็นสิ่งที่สายตาไม่เคยเห็น หูไม่เคยได้ยิน และสิ่งที่หัวใจมนุษย์ไม่เคยจินตนาการไปถึง ดังนั้นพวกท่านจงอ่านโองการนี้เถิด

    ﴿فَلَا تَعْلَمُ نَفْسٌ مَا أُخْفِيَ لَهُمْ مِنْ قُرَّةِ أَعْيُنٍ﴾

    ความว่า ”ดังนั้น จึงไม่มีชีวิตใดรู้สิ่งที่ถูกซ่อนไว้สำหรับพวกเขา ให้เป็นที่รื่นรมย์แก่สายตา เป็นการตอบแทนในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้” ( บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข : 3244 และมุสลิม หมายเลข : 2824 )

    3. เป็นการยืนยันว่าพระองค์อัลลอฮฺจะตรัสกับชาวสวรรค์อย่างแน่นอน ดังที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

    ﴿ تَحِيَّتُهُمۡ يَوۡمَ يَلۡقَوۡنَهُۥ سَلَٰمٞۚ وَأَعَدَّ لَهُمۡ أَجۡرٗا كَرِيمٗا ٤٤ ﴾ [الأحزاب: ٤٤]

    ความว่า “การกล่าวคำทักทายของพวกเขาในวันที่พวกเขาพบกับพระองค์คือ ศานติ (สลาม) และพระองค์ทรงเตรียมรางวัลอันมีเกียรติไว้ให้แก่พวกเขาแล้ว” (อัล-อะหฺซาบ : 44 )

    อิบนุ กะษีร อธิบายว่า “หากมองอย่างผิวเผินแล้ว เป้าหมายของคำว่า (تَحِيَّتُهُمْ) ในโองการนี้ หมายถึงการกล่าวคำทักทายของอัลลอฮฺ (يَوْمَ يَلْقَوْنَهُ سَلَامٌ ) คือในวันที่พระองค์ทรงกล่าวสลามแก่พวกเขา” (ตัฟซีร อิบนุ กะษีร เล่ม : 3 หน้า : 496)

    4. การที่บรรดามุอ์มินได้มองเห็นอัลลอฮฺในสวนสวรรค์ และการที่พระองค์ทรงพอพระทัยต่อพวกเขา นับได้ว่าเป็นความโปรดปรานอันใหญ่หลวง ที่อัลลอฮฺได้ให้เกียรติแก่บรรดาชาวสวรรค์ มีหะดีษจากศุฮัยบฺ อัร-รูมีย์ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

    «إِذَا دَخَلَ أَهْلُ الْجَنَّةِ الْجَنَّةَ قَالَ : يَقُولُ اللَّهُ تَبَارَكَ وَتَعَالَى : تُرِيدُونَ شَيْئًا أَزِيدُكُمْ ؟، فَيَقُولُونَ : أَلَمْ تُبَيِّضْ وُجُوهَنَا، أَلَمْ تُدْخِلْنَا الْجَنَّةَ، وَتُنَجِّنَا مِنْ النَّارِ؟، قَالَ: فَيَكْشِفُ الْحِجَابَ، فَمَا أُعْطُوا شَيْئًا أَحَبَّ إِلَيْهِمْ مِنْ النَّظَرِ إِلَى رَبِّهِمْ عَزَّ وَجَلَّ، ـ وَزَادَ في بعض الرواية : ثُمَّ تَلَا هَذِهِ الْآيَةَ ﴿لِلَّذِينَ أَحْسَنُوا الْحُسْنَى وَزِيَادَةٌ﴾» [رواه مسلم]

    ความว่า ”เมื่อชาวสวรรค์ได้เข้าสู่สวนสวรรค์แล้ว อัลลอฮฺจะตรัสถามพวกเขาว่า พวกเจ้าจะร้องขอสิ่งใดบ้าง ฉันจะเพิ่มให้แก่พวกเจ้า พวกเขาพูดว่า แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่พระองค์ทำให้ใบหน้าของพวกเราขาวนวล ให้เราได้เข้าสวรรค์ และให้เราได้รอดพ้นจากไฟนรก ท่านนบีกล่าวว่า หลังจากนั้นอัลลอฮฺทรงเปิดม่านกั้นออก ไม่มีสิ่งใดเป็นที่รักยิ่งแก่พวกเขาจากสิ่งที่พวกเขาได้รับ มากไปกว่าการได้มองเห็นพระผู้อภิบาลของพวกเขา มีบางสายรายงานเพิ่มเติมว่า แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้อ่านโองการ

    ﴿لِلَّذِينَ أَحْسَنُوا الْحُسْنَى وَزِيَادَةٌ﴾

    ความว่า “สำหรับบรรดาผู้ที่ประพฤติดีจะได้รับสวนสวรรค์เป็นสิ่งตอบแทน และเพิ่มมากกว่านั้น(คือการได้มองอัลลอฮฺ) (บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข : 181)

    และอบูสะอีด อัล-คุดรีย์ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

    «إِنَّ اللَّهَ تَبَارَكَ وَتَعَالَى يَقُولُ لِأَهْلِ الْجَنَّةِ : يَا أَهْلَ الْجَنَّةِ، فَيَقُولُونَ : لَبَّيْكَ رَبَّنَا وَسَعْدَيْكَ، فَيَقُولُ : هَلْ رَضِيتُمْ؟، فَيَقُولُونَ : وَمَا لَنَا لَا نَرْضَى وَقَدْ أَعْطَيْتَنَا مَا لَمْ تُعْطِ أَحَدًا مِنْ خَلْقِكَ، فَيَقُولُ : أَنَا أُعْطِيكُمْ أَفْضَلَ مِنْ ذَلِكَ، قَالُوا : يَا رَبِّ وَأَيُّ شَيْءٍ أَفْضَلُ مِنْ ذَلِكَ؟، فَيَقُولُ: أُحِلُّ عَلَيْكُمْ رِضْوَانِي فَلَا أَسْخَطُ عَلَيْكُمْ بَعْدَهُ أَبَدًا» [رواه البخاري ومسلم]

    ความว่า “อัลลอฮฺได้เรียกชาวสวรรค์ว่า โอ้ชาวสวรรค์ทั้งหลาย พวกเขากล่าวตอบว่า ครับพระองค์ท่าน อัลลอฮฺตรัสถามว่า พวกเจ้าพึงพอใจแล้วหรือยัง ? พวกเขากล่าวว่า เราจะไม่พึงพอใจได้อย่างไรกันเล่าในเมื่อพระองค์ พระองค์ทรงตอบแทนให้แก่พวกเรามากกว่าผู้ใดทั้งปวงแล้ว อัลลอฮฺตรัสถามต่อว่า ข้าจะตอบแทนแก่พวกเจ้าในสิ่งที่ประเสริฐกว่าที่พวกเจ้าได้รับแล้วเสียอีก พวกเขากล่าวว่า แล้วจะมีอะไรจะดีกว่าในสิ่งที่เราได้รับแล้วอีกเล่าพระองค์? อัลลอฮฺตรัสว่า นั่นคือความพึงพอใจของข้าที่พึงมีต่อพวกเจ้าอย่างสมบูรณ์แบบยิ่ง โดยไม่มีวันที่ข้าจะกริ้วโกรธพวกเจ้าอีกอย่างเด็ดขาด” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข : 6549 และมุสลิม หมายเลข : 2829 )

    5. ชาวสวรรค์จะได้รับทุกสรรพสิ่งที่พวกเขามีความปรารถนาต้องการ ดังที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

    «سَأَلَ مُوسَى رَبَّهُ مَا أَدْنَى أَهْلِ الْجَنَّةِ مَنْزِلَةً؟ قَالَ: هُوَ رَجُلٌ يَجِيءُ بَعْدَ مَا أُدْخِلَ أَهْلُ الْجَنَّةِ الْجَنَّةَ فَيُقَالُ لَهُ : ادْخُلْ الْجَنَّةَ، فَيَقُولُ: أَيْ رَبِّ، كَيْفَ وَقَدْ نَزَلَ النَّاسُ مَنَازِلَهُمْ، وَأَخَذُوا أَخَذَاتِهِمْ، فَيُقَالُ لَهُ: أَتَرْضَى أَنْ يَكُونَ لَكَ مِثْلُ مُلْكِ مَلِكٍ مِنْ مُلُوكِ الدُّنْيَا؟، فَيَقُولُ: رَضِيتُ رَبِّ، فَيَقُولُ: لَكَ ذَلِكَ وَمِثْلُهُ وَمِثْلُهُ وَمِثْلُهُ وَمِثْلُهُ، فَقَالَ فِي الْخَامِسَةِ: رَضِيتُ رَبِّ، فَيَقُولُ : هَذَا لَكَ وَعَشَرَةُ أَمْثَالِهِ، وَلَكَ مَا اشْتَهَتْ نَفْسُكَ، وَلَذَّتْ عَيْنُكَ، فَيَقُولُ: رَضِيتُ رَبِّ، قَالَ: رَبِّ فَأَعْلَاهُمْ مَنْزِلَةً؟ قَالَ: أُولَئِكَ الَّذِينَ أَرَدْتُ غَرَسْتُ كَرَامَتَهُمْ بِيَدِي وَخَتَمْتُ عَلَيْهَا، فَلَمْ تَرَ عَيْنٌ، وَلَمْ تَسْمَعْ أُذُنٌ، وَلَمْ يَخْطُرْ عَلَى قَلْبِ بَشَرٍ، قَالَ: وَمِصْدَاقُهُ فِي كِتَابِ اللَّهِ عَزَّ وَجَلَّ» [رواه مسلم]

    ความว่า “ท่านนบีมูซาได้กล่าวถามอัลลอฮฺว่า ชาวสวรรค์ที่อยู่ชั้นต่ำสุดเป็นอย่างไร? อัลลอฮฺตรัสตอบว่า เขาคือผู้ที่ได้เข้าสวรรค์หลังจากที่ชาวสวรรค์ทั้งหลายได้เข้าสวรรค์ไปแล้ว เขาได้รับคำสั่งว่า เจ้าจงเข้าไปในสวรรค์เถิด เขากล่าวว่า โอ้ผู้อภิบาลของฉัน ฉันจะเข้าไปอยู่ที่ไหน ในเมื่อชาวสวรรค์ทั้งหลายได้รับที่อยู่ของพวกเขาไปหมดแล้ว? อัลลอฮฺตรัสว่า เจ้าจะพึงพอใจหรือไม่หากเจ้าจะได้รับการตอบแทนเหมือนกับพื้นที่การครอบครองของกษัตริย์ในโลกดุนยา? เขาตอบว่า ฉันพึงพอใจแล้วโอ้พระผู้อภิบาลของฉัน แล้วอัลลอฮฺก็ตรัสกับเขาว่า เจ้าจะได้รับเช่นนั้นแหละ และเพิ่มเป็นสองเท่า สามเท่า สี่เท่า และห้าเท่า จนเขากล่าวในครั้งที่ห้าว่า ฉันพึงพอใจแล้วโอ้พระผู้อภิบาลของฉัน อัลลอฮฺตรัสว่า เจ้าจะได้รับเช่นนั้นและอีกสิบเท่า เจ้าจะได้รับในสิ่งที่เจ้าปรารถนาและที่เจ้าชื่นชอบ เขากล่าวว่า ฉันพึงพอใจแล้วโอ้พระผู้อภิบาลของฉัน และท่านนบีมูซาถามต่อไปว่า แล้วชาวสวรรค์ชั้นสูงสุดล่ะเป็นอย่างไร? อัลลอฮฺตรัสตอบว่า พวกเขาคือผู้ที่ฉันได้เลือกเฟ้น และดูแลพวกเขาอย่างดีเยี่ยม ด้วยเกียรติและความโปรดปรานที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ซึ่งจักษุไม่เคยเห็น โสตประสาทไม่เคยได้ยิน และหัวใจของมนุษย์ไม่เคยจินตนาการไปถึงเกียรติอันสูงส่งนี้ได้ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวเสริมต่อไปว่า ซึ่งหลักฐานนั้นก็มีปรากฏในคัมภีร์ของอัลลอฮฺ” (บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข : 189)

    นั่นคือพระดำรัสของอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ที่ได้ยืนยันข้อเท็จจริงนี้ว่า

    ﴿ فَلَا تَعۡلَمُ نَفۡسٞ مَّآ أُخۡفِيَ لَهُم مِّن قُرَّةِ أَعۡيُنٖ جَزَآءَۢ بِمَا كَانُواْ يَعۡمَلُونَ ١٧ ﴾ [السجدة: ١٧]

    ความว่า “ดังนั้น จึงไม่มีชีวิตใดรู้สิ่งที่ถูกซ่อนไว้สำหรับพวกเขา ให้เป็นที่รื่นรมย์แก่สายตา เป็นการตอบแทนในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้” (อัส-สะญะดะฮฺ : 17)

    والحمد لله رب العالمين ، وصلى الله وسلم على نبينا محمد وعلى آله وصحبه أجمعين .

    หมวดหมู่