معنى تدبر القرآن الكريم

أعرض المحتوى باللغة الأصلية anchor

translation ผู้เขียน : สัลมาน บิน อุมัร อัส-สุนัยดีย์
1

ความหมายของการตะดับบุรฺอัลกุรอาน

1.8 MB DOC
2

ความหมายของการตะดับบุรฺอัลกุรอาน

204.5 KB PDF

معنى تدبر القرآن الكريم: مقالة مقتبسة من كتاب (تدبر القرآن) لمؤلفه سلمان بن عمر السنيدي، عن معنى التدبر في اللغة والاصطلاح، ومفهوم التدبر كما فسره العلماء من كلام الله عزّ وجلّ، وبيان بعض المصطلحات المتعلقة بالتدبر.

    ความหมายของการตะดับบุรฺอัลกุรอาน

    ] ไทย – Thai – تايلاندي [

    สัลมาน บิน อุมัร อัส-สุนัยดีย์

    แปลโดย : ซุฟอัม อุษมาน

    ที่มา : หนังสือ ตะดับบุร อัลกุรอาน

    2013 - 1434

    معنى تدبر القرآن الكريم

    « باللغة التايلاندية »

    سلمان بن عمر السنيدي

    ترجمة: صافي عثمان

    المصدر: كتاب تدبر القرآن

    2013 - 1434

    ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ

    ความหมายของการ ตะดับบุรฺ อัลกุรอาน

    ตะดับบุรฺ ในรากศัพท์ภาษาอาหรับ

    ความดั้งเดิมของคำว่า ตะดับบุรฺ คือ การพิจารณาและคิดใคร่ครวญถึงผลในบั้นปลายของสิ่งต่างๆ[i] การ ตะดับบุรฺถ้อยคำจึงหมายความว่า การดูตั้งแต่ต้นคำพูดและท้ายคำพูด แล้วดูทวนอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งเห็นได้ชัดว่าคำดังกล่าวนี้มาในรูปของสำนวนกริยา “ตะฟะอฺอุล” เช่นเดียวกับ ตะญัรรุอฺ, ตะฟะฮฺฮุม และ ตะบัยยุน ด้วยเหตุนี้จึงมีทัศนะที่บอกว่า ตะดับบุรฺ มาจากความหมายที่ว่า การพิจารณาดูส่วนหลังของสิ่งต่างๆ นั่นคือจุดสุดท้ายหรือบั้นปลายของมันนั่นเอง ความหมายดังกล่าวรวมถึงการตะดับบุรฺคำพูดหรือถ้อยคำด้วย เช่นที่อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

    ﴿أَفَلَمۡ يَدَّبَّرُواْ ٱلۡقَوۡلَ﴾ [المؤمنون: ٦٨]

    ความว่า “พวกเขามิได้ ตะดับบุรฺ (พิจารณาใคร่ครวญ) ถ้อยคำกระนั้นหรือ?” (อัล-มุอ์มินูน 68) [ii]

    ความหมายของการตะดับบุรฺอัลกุรอาน

    คือ การพยายามทำความเข้าใจความหมายจากถ้อยคำของอัลกุรอาน และคิดใคร่ครวญในสิ่งที่โองการอัลกุรอานได้สื่อให้เห็นอย่างตรงไปตรงมาและนัยที่ซ่อนเร้นในโองการเหล่านั้นด้วย รวมถึงองค์ประกอบที่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ความหมายดังกล่าวปรากฏออกมาอย่างสมบูรณ์ ซึ่งบางทีถ้อยคำผิวเผินในโองการนั้นๆ อาจจะไม่ได้กล่าวถึงองค์ประกอบที่ว่า ซึ่งองค์ประกอบดังกล่าวอาจจะอยู่ในรูปของการบ่งชี้หรือการสะกิดเตือนในรูปแบบต่างๆ การตะดับบุรฺจะรวมถึงการเกิดผลที่ให้คุณประโยชน์ต่อหัวใจ กล่าวคือหัวใจมีสภาพสงบเสงี่ยมต่อคำตักเตือนของอัลกุรอาน ตอบรับอย่างนอบน้อมต่อคำสั่งต่างๆ ในอัลกุรอาน และนำบทเรียนจากอัลกุรอานมาใช้ในชีวิต[iii]

    อัฏ-เฏาะบะรีย์ ได้กล่าวว่า ในพระดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า

    ﴿ كِتَٰبٌ أَنزَلۡنَٰهُ إِلَيۡكَ مُبَٰرَكٞ لِّيَدَّبَّرُوٓاْ ءَايَٰتِهِۦ وَلِيَتَذَكَّرَ أُوْلُواْ ٱلۡأَلۡبَٰبِ ٢٩ ﴾ [ص: ٢٩]

    ความว่า “นั่นคือคัมภีร์(อัลกุรอาน)ที่เราได้ประทานลงมาให้แก่เจ้าซึ่งมีความจำเริญ เพื่อพวกเขาจะได้พินิจพิจารณาโองการต่างๆ ของอัลกุรอานและเพื่อปวงผู้มีสติปัญญาจะได้รับบทเรียน” (ศอด 29)

    หมายถึง “เพื่อให้พวกเขาได้พิจารณาใคร่ครวญเนื้อหาต่างๆ อันเป็นหลักฐานของอัลลอฮฺในอัลกุรอาน รวมถึงบทบัญญัติต่างๆ ของพระองค์ที่มีอยู่ในนั้น เพื่อที่พวกเขาจะได้ใช้มันเป็นบทเรียนและปฏิบัติตามมัน” [iv]

    อบู บักรฺ อิบนุ ฏอฮิรฺ ได้กล่าวว่า “จงพิจารณาใคร่ครวญในความสุขุมนุ่มนวลของสำนวนโวหารมัน จงเรียกร้องตัวเจ้าให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของมัน และเรียกร้องหัวใจของเจ้าให้ทำความเข้าใจความหมายของมัน และให้สัมผัสแห่งความสุขของเจ้าเกิดขึ้นด้วยการมุ่งเข้าหามัน” [v]

    อัล-ฮะเราะวีย์ ได้กล่าวว่า “องค์ประกอบของการ ตะซักกุรฺ (การได้รับบทเรียน) มีอยู่สามประการ คือ การรับประโยชน์จากคำเตือน การมองเห็นด้วยอุทาหรณ์ และการได้รับผลเป็นอานิสงค์จากความคิด” [vi]

    จากคำกล่าวต่างๆ ของบรรดาอุละมาอ์เราสรุปได้ว่า การตะดับบุรฺอัลกุรอานนั้นต้องประกอบด้วยสิ่งต่างๆ เหล่านี้ คือ

    - ต้องรู้ความหมายของถ้อยคำ และนัยที่เป็นเป้าประสงค์

    - การพิจารณาสิ่งที่โองการนั้นๆ ต้องการชี้ให้เห็น โดยพิจารณาจากการเรียบเรียงสำนวนและรูปประโยค

    - การใช้ปัญญาตอบสนองต่อหลักฐานต่างๆ ของอัลกุรอาน และให้หัวใจได้เคลื่อนไหวตามเนื้อหาที่สร้างความปิติยินดีและข้อตักเตือนสั่งห้ามต่างๆ ของมัน

    - นอบน้อมยอมรับต่อคำสั่งต่างๆ ของอัลกุรอาน และเชื่อมันต่อเรื่องราวบอกเล่าที่ถูกกล่าวถึงในอัลกุรอาน

    ศัพท์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตะดับบุรฺ

    อัล-ฟะฮ์มฺ (ความเข้าใจ) คือ การรู้ถึงความหมายของคำพูด

    อัล-ฟิกฮฺ (ความเข้าใจเชิงลึก) คือ การรู้ถึงข้อบ่งชี้ต่างๆ ของคำพูดด้วยการพิจารณาให้ถี่ถ้วน

    อัล-บะศีเราะฮฺ (การรู้อย่างประจักษ์) หมายถึง การรู้อย่างสมบูรณ์[vii]

    อัล-ฟิกรฺ (การคิด) คือ การนำความรู้สองประการมาให้หัวใจได้ตระหนักคิดเพื่อก่อให้เกิดองค์ความรู้ที่สาม

    ตะฟักกุรฺ (การใช้ความคิด) คือ การใช้ความคิดและให้ความคิดคงอยู่ตลอดเวลา

    ตะซักกุรฺ (การนึกคิด) มาจากคำว่า ซิกรฺ คือ การนึกได้ ซึ่งตรงข้ามกับคำว่าหลงลืม การตะซักกุรฺ จึงหมายถึง การตระหนักเห็นถึงภาพในด้านความรู้อันเป็นนามธรรมของสิ่งที่ต้องการจะจดจำเอาไว้ในใจ เป็นคำที่อยู่ในรูปกริยา “ตะฟะอฺอุล” เพราะแสดงให้เห็นว่าต้องใช้เวลาและความค่อยเป็นค่อยไป กล่าวคือ การดึงความรู้ที่จำเป็นต้องคำนึงถึงหลังจากที่เคยเคว้งคว้างและห่างหายไปจากตัวเขา ความหมายดังกล่าวนี้มีให้เห็นในพระดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า

    ﴿ إِنَّ ٱلَّذِينَ ٱتَّقَوۡاْ إِذَا مَسَّهُمۡ طَٰٓئِفٞ مِّنَ ٱلشَّيۡطَٰنِ تَذَكَّرُواْ فَإِذَا هُم مُّبۡصِرُونَ ٢٠١ ﴾ [الأعراف: ٢٠١]

    ความว่า “แท้จริง บรรดาผู้ยำเกรงนั้น เมื่อมีพวกหนึ่งของชัยฏอนมาครอบงำพวกเขา พวกเขาก็จะสำนึกขึ้นมา แล้วพวกเขาก็จะเห็นอย่างประจักษ์ชัด” (อัล-อะอฺรอฟ 201)

    ดังนั้น การ “ตะซักกุรฺ” จึงให้ความหมายว่า การที่หัวใจได้ทบทวนสิ่งที่เคยรู้และทราบมาก่อนแล้ว เพื่อให้ความรู้นั่นติดแน่นและมั่นคง และไม่ให้มันเหือดหายไปจนไม่เหลือร่องรอยในหัวใจ ในขณะที่การ “ตะฟักกุรฺ” นั้น ให้ความหมายว่า การสร้างให้มีความรู้ให้เยอะ และไขว่คว้าค้นหาสิ่งที่ยังไม่มีเพื่อใส่เข้าไปในหัวใจ สรุปได้ว่า ตะฟักกุรฺ คือการหาความรู้ให้หัวใจ ส่วน ตะซักกุรฺ เป็นการดูแลกักเก็บความรู้ที่ได้มาให้อยู่ในหัวใจตลอดไป ทั้งสองอย่างนี้ต่างก็มีหน้าที่ของมันเองและมีประโยชน์ต่างกันไปอีกด้วย

    ตะอัมมุล (การพินิจ) หมายถึง การทวนดูหลายๆ ครั้ง จนกระทั่งมันชัดเจนและประจักษ์ในหัวใจ การพุ่งจิตเข้าสู่ความหมาย และการรวบรวมความคิดในการตะดับบุรฺและการพยายามให้เกิดปัญญา[viii]

    อิอฺติบารฺ (การได้บทเรียน) คำนี้มาจากคำว่า อุบูรฺ หมายถึงการเดินข้าม เพราะมันเป็นการข้ามจากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง ข้ามจากสิ่งที่คิดอยู่ไปสู่องค์ความรู้ที่สาม มันจึงได้ชื่ออีกอย่างว่า “อิบเราะฮฺ” เป็นสำนวนเชิงอธิบายสภาพ เหมือนเป็นการบอกว่าเจ้าของผู้ใคร่ครวญนั้นได้อยู่ในสภาพที่สามารถข้ามไปสู่จุดมุ่งหมายที่ต้องการได้แล้ว เช่นที่อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﴿ إِنَّ فِي ذَٰلِكَ لَعِبۡرَةٗ لِّمَن يَخۡشَىٰٓ ٢٦ ﴾ [النازعات: ٢٦]

    ความว่า “แท้จริง ในการนั้น ย่อมมีบทเรียนแก่ผู้ที่หวั่นเกรง” (อัน-นาซิอาต 26)

    และพระดำรัสของพระองค์ที่ว่า

    ﴿إِنَّ فِي ذَٰلِكَ لَعِبۡرَةٗ لِّأُوْلِي ٱلۡأَبۡصَٰرِ ١٣ ﴾ [آل عمران: ١٣]

    ความว่า “แท้จริง ในการนั้น ย่อมมีบทเรียนแก่บรรดาผู้มีสายตา” (อาล อิมรอน 13)

    อิสติบศอรฺ (การค้นหาความรู้แจ้ง) มาจากคำว่า ตะบัศศุรฺ หมายถึง การเห็นแจ้งในเรื่องที่หาและได้เผยตัวตนของมัน และการได้เห็นความรู้แจ้งปรากฏขึ้นมา[ix]

    ที่มา หนังสือ ตะดับบุร อัลกุรอาน โดย สัลมาน อัส-สุนัยดีย์

    เชิงอรรถ

    [i] ลิสานุล อะร็อบ 4/273, กิตาบ อัล-ฟุรูก อัล-ลุเฆาะวียะฮฺ ของ อัล-อัสกะรีย์ หน้า 58, อัต-ตะอฺรีฟาต ของ อัล-ญุรญานีย์ หน้า 76, ตัฟสีรฺ อัล-กุรฏุบีย์ 5/290, ตัฟสีรฺ อัฏ-เฏาะบะรีย์ 1/87, 5/180

    [ii] มิฟตาห์ ดารฺ อัส-สะอาดะฮฺ ของ อิบนุล ก็อยยิม หน้า 216

    [iii] ตัฟสีรฺ อิบนิ กะษีรฺ 1/501, อัต-ติบยาน ฟี อักซาม อัล-กุรอาน ของ อิบนุล ก็อยยิม หน้า 145, ตัฟสีรฺ อัส-สะอฺดีย์ หน้า 15, 733, อัล-เกาะวาอิน อัล-หิสาน ลิ ตัฟสีรฺ อัล-
    กุรอาน ของ อัส-สะอฺดีย์ หน้า 28

    [iv] ตัฟสีรฺ อัฏ-เฏาะบะรีย์ 23/153

    [v] ตัฟสีรฺ อัล-กุรฏุบีย์ 19/38

    [vi] มะดาริจญ์ อัส-สาลิกีน 1/444-449

    [vii] กิตาบ อัล-ฟุรูก อัล-ลุเฆาะวียะฮฺ หน้า 69, 73

    [viii] มะดาริจญ์ อัส-สาลิกีน 1/451

    [ix] จากคำว่า อัล-ฟิกรฺ เป็นต้นมา คัดสรุปมาจากการอธิบายของอิบนุล ก็อยยิม ใน มิฟตาห์ ดารฺ อัส-สะอาดะฮฺ หน้า 216

    หมวดหมู่