ฟิตนะฮฺที่เกิดจากสตรี
หมวดหมู่
Full Description
ฟิตนะฮฺที่เกิดจากสตรี
] ไทย – Thai – تايلاندي [
ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์
แปลโดย : อุศนา พ่วงศิริ
ตรวจทานโดย : อัสรัน นิยมเดชา
ที่มา : หนังสือ อัด-ดุร็อรฺ อัล-มุนตะกอฮฺ มิน อัล-กะลีมาต
อัล-มุลกอฮฺ
2012 - 1433
فتنة النساء
« باللغة التايلاندية »
د. أمين بن عبد الله الشقاوي
ترجمة: حسنى فوانجسيري
مراجعة: عصران نيومديشا
المصدر: كتاب الدرر المنتقاة من الكلمات الملقاة
2012 - 1433
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
ฟิตนะฮฺที่เกิดจากสตรี
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ขอความสุขความจำเริญและศานติจงประสบแด่ศาสนทูตของพระองค์ ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงองค์เดียว ไม่มีภาคีใดๆ สำหรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่ามุหัมมัดเป็นบ่าวของอัลลอฮฺและเป็นศาสนทูตของพระองค์
ฟิตนะฮประการหนึ่งที่มุสลิมทั้งหลายมักประสบพบเจอในชีวิตประจำวัน คือฟิตนะฮฺจากสตรี ฟิตนะฮฺนี้นั้นเกิดขึ้นได้ในตลาด ตามท้องถนน ในชุมชนทั่วไป หรือแม้กระทั่งจากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือสื่อต่างๆ อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
﴿ زُيِّنَ لِلنَّاسِ حُبُّ ٱلشَّهَوَٰتِ مِنَ ٱلنِّسَآءِ وَٱلۡبَنِينَ وَٱلۡقَنَٰطِيرِ ٱلۡمُقَنطَرَةِ مِنَ ٱلذَّهَبِ وَٱلۡفِضَّةِ وَٱلۡخَيۡلِ ٱلۡمُسَوَّمَةِ وَٱلۡأَنۡعَٰمِ وَٱلۡحَرۡثِۗ ذَٰلِكَ مَتَٰعُ ٱلۡحَيَوٰةِ ٱلدُّنۡيَاۖ وَٱللَّهُ عِندَهُۥ حُسۡنُ ٱلۡمََٔابِ ١٤ ﴾ [آل عمران: ١٤]
ความว่า “ได้ถูกทำให้สวยงาม (ลุ่มหลง) แก่มนุษย์ซึ่งความรักในบรรดาสิ่งที่เป็นเสน่ห์อันได้แก่ผู้หญิงและลูกชาย ทองและเงินอันมากมาย และม้าดีและปศุสัตว์ และไร่นา นั่นเป็นสิ่งอำนวยประโยชน์ชั่วคราวในชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้เท่านั้น และอัลลอฮฺนั้น ณ พระองค์ คือที่กลับอันสวยงาม” (อาลอิมรอน: 14)
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เตือนประชาชาติของท่านให้ระวังฟิตนะฮฺจากสตรี ดังหะดีษที่ท่านอบูสะอีด อัล-คุดรียฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«مَا تَرَكْتُ بَعْدِيْ فِتْنَةً ، أَضَرَّ علَىَ الرِّجَالِ مِنَ النِّسَاء» [البخاري برقم 5096، ومسلم برقم 2740]
ความว่า “ไม่มีฟิตนะฮฺใดหลังจากที่ฉันจากพวกท่านไปแล้วจะเป็นอันตรายยิ่งสำหรับบุรุษ มากไปกว่าฟิตนะฮฺที่เกิดจากสตรี” (บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ หะดีษเลขที่ 5096 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 2740)
และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้บอกพวกเราว่า ฟิตนะฮฺแรกที่บนีอิสรออีลประสบพบเจอก็คือฟิตนะฮฺจากสตรี โดยท่านอบูสะอีด อัล-คุดรียฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«إِنَّ الدُّنْيَا حُلْوَةٌ خَضِرَةٌ، وَإِنَّ اللهَ مُسْتَخْلِفُكُمْ فِيْهَا فَيَنْظُرُ كَيْفَ تَعْمَلُوْنَ؟ فَاتَّقُوا الدُّنْيَا وَاتَّقُوا النِّسَاءَ، فَإِنَّ أَوَّلَ فِتْنَةِ بَنِيْ إِسْرَائِيْلَ كَانَتْ فِي النِّسَاءِ» [مسلم برقم 2742]
ความว่า “แท้จริงโลกดุนยานั้นสวยงามและอุดมสมบูรณ์ และอัลลอฮฺได้ทรงให้พวกท่านเป็นตัวแทนในดุนยา แล้วพระองค์ก็จะทรงดูว่าพวกท่านทำอะไรไปบ้าง? ดังนั้นพวกท่านจงพึงระวังโลกดุนยาและบรรดาสตรี เพราะแท้จริงฟิตนะฮฺแรกที่เกิดขึ้นในหมู่บนีอิสรออีล ก็คือฟิตนะฮฺจากสตรีนั่นเอง” (บันทึกโดยมุสลิม หะดีษเลขที่ 2742)
และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ยังได้บอกอีกว่าผู้ที่สามารถอดทนต่อฟิตนะฮฺนี้ได้ เขาจะได้เป็นหนึ่งในเจ็ดกลุ่มที่พระองค์อัลลอฮฺจะทรงให้พวกเขาอยู่ภายใต้ร่มเงาของพระองค์ในวันกิยามะฮฺ ดังหะดีษที่รายงานโดยท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«سَبْعَةٌ يُظِلُّهُمُ اللهُ فِيْ ظِلِّهِ يَوْمَ لَا ظِلَّ إِلَّا ظِلُّهُ، وذكر منهم: رَجُلٌ طَلَبَتْهُ امْرَأَةٌ ذَاتُ مَنْصِبٍ وَجَمَالٍ، فَقَالَ : إِنِّي أَخَافُ اللهَ» [البخاري برقم 1423، ومسلم برقم 1031]
ความว่า “มีคนเจ็ดกลุ่มที่พระองค์อัลลอฮฺจะทรงให้พวกเขาได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของพระองค์ ในวันที่ไม่มีร่มเงาใดๆนอกจากร่มเงาของพระองค์... (และหนึ่งในเจ็ดกลุ่มที่ท่านกล่าวถึงก็คือ) ชายซึ่งได้รับการเชิญชวนจากหญิงสาวที่เพียบพร้อมด้วยฐานะและความงามให้กระทำสิ่งที่ผิด แต่เขากลับตอบนางว่า: ฉันเกรงกลัวพระเจ้าของฉัน” (บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ หะดีษเลขที่ 1423 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 1031)
ท่านกอฎียฺอิยาฎ กล่าวว่า "ที่ต้องเฉพาะเจาะจงหญิงสาวที่เพียบพร้อมไปด้วยฐานะและความงาม ก็เพราะสิ่งดังกล่าวเป็นคุณสมบัติที่ชายหนุ่มทุกคนถวิลหาและยากที่จะได้มา ดังนั้น เมื่อนางมีพร้อมทุกอย่างและยังเป็นฝ่ายเสนอตัว แน่นอนว่าเป็นการยากที่ใครจะปฏิเสธ ฉะนั้น ผู้ที่สามารถอดทนอดกลั้นต่อสิ่งดังกล่าวได้เพราะเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ จึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงการฏออัตเชื่อฟังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พระองค์จึงจัดให้คนประเภทนี้ได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของพระองค์ ซึ่งสตรีที่มีฐานะคือสตรีที่พร้อมไปด้วยเงินทองและเชื้อสายวงศ์ตระกูลที่มีเกียรติ" (เศาะฮีหฺมุสลิม บิชัรหฺ อันนะวะวีย์ 3/122)
อัลลอฮฺตรัสถึงบุคคลประเภทนี้ว่า:
﴿ وَأَمَّا مَنۡ خَافَ مَقَامَ رَبِّهِۦ وَنَهَى ٱلنَّفۡسَ عَنِ ٱلۡهَوَىٰ ٤٠ فَإِنَّ ٱلۡجَنَّةَ هِيَ ٱلۡمَأۡوَىٰ ٤١ ﴾ [النازعات: 40-41]
ความว่า “และส่วนผู้ที่หวาดหวั่นต่อการยืนเบื้องหน้าพระเจ้าของเขา และได้หน่วงเหนี่ยวจิตใจจากกิเลสต่ำ ดังนั้นสวนสวรรค์ก็จะเป็นที่พำนักของเขา” (อัล-นาซิอาต: 40-41)
และตัวอย่างสำคัญของผู้ที่มีความอดทนต่อฟิตนะฮฺจากสตรีนี้ ก็คือท่านนบียูสุฟ ผู้เป็นบุตรนบียะอฺกูบ ซึ่งเป็นบุตรของนบีอิสหาก บุตรนบีอิบรอฮีม อะลัยฮิมุสสลาม โดยอัลลอฮฺตรัสเล่าเรื่องราวของท่านว่า
﴿ وَرَٰوَدَتۡهُ ٱلَّتِي هُوَ فِي بَيۡتِهَا عَن نَّفۡسِهِۦ وَغَلَّقَتِ ٱلۡأَبۡوَٰبَ وَقَالَتۡ هَيۡتَ لَكَۚ قَالَ مَعَاذَ ٱللَّهِۖ إِنَّهُۥ رَبِّيٓ أَحۡسَنَ مَثۡوَايَۖ إِنَّهُۥ لَا يُفۡلِحُ ٱلظَّٰلِمُونَ ٢٣ ﴾ [يوسف: ٢٣]
ความว่า “และสตรีซึ่งเขาอาศัยอยู่ในบ้านของนางก็ได้ยั่วยวนเขา โดยนางได้ปิดประตูอย่างแน่นหนาและกล่าวว่า มานี่สิฉันพร้อมแล้ว! เขากล่าวว่า ฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ แท้จริงเขาเป็นนายของฉัน ให้ที่พักพิงที่ดียิ่งแก่ฉัน แท้จริงบรรดาผู้อธรรมจะไม่บรรลุความสำเร็จ” (ยูสุฟ: 23)
แต่ทว่าท่านนบียูสุฟเลือกที่จะถูกจองจำในคุกเพื่อให้พ้นจากฟิตนะฮฺนี้ อัลลอฮฺตรัสว่า
﴿ قَالَ رَبِّ ٱلسِّجۡنُ أَحَبُّ إِلَيَّ مِمَّا يَدۡعُونَنِيٓ إِلَيۡهِۖ وَإِلَّا تَصۡرِفۡ عَنِّي كَيۡدَهُنَّ أَصۡبُ إِلَيۡهِنَّ وَأَكُن مِّنَ ٱلۡجَٰهِلِينَ ٣٣ ﴾ [يوسف: ٣٣]
ความว่า “เขากล่าวว่า: ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ คุกนั้นเป็นที่รักแก่ข้าพระองค์ยิ่งกว่าสิ่งที่พวกนางเรียกร้องข้าพระองค์ไปสู่มัน และหากพระองค์มิทรงให้อุบายของพวกนางพ้นไปจากข้าพระองค์แล้ว ข้าพระองค์อาจจะโน้มเอียงไปหาพวกนาง และข้าพระองค์จะเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้โง่เขลาอย่างแน่แท้” (ยูสุฟ: 33)
อิบนุลก็อยยิม กล่าวว่า "อัลลอฮฺตะอาลาได้ตรัสถึงท่านนบียูสุฟ ว่าท่านคือผู้ที่มีความบริสุทธิ์และมีเกียรติที่สุด ทั้งนี้ ก็เพราะว่าท่ามกลางปัจจัยต่างๆที่อาจชักนำไปสู่หนทางใฝ่ต่ำ ไม่ว่าการที่ท่านยังหนุ่มยังแน่น ซึ่งผู้ที่อยู่ในวัยนี้ก็ย่อมมีความต้องการในเรื่องนี้สูง อีกทั้งท่านยังคงโสดไม่มีภาระผูกพันใดๆ และยังเป็นผู้ที่อยู่ห่างไกลจากครอบครัวและบ้านเมืองของท่าน จึงไม่ต้องเกรงว่าจะมีญาติพี่น้องหรือผู้ใดล่วงรู้ นอกจากนี้ท่านยังอยู่ในสภาพของทาส ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่เป็นทาสย่อมไม่ต้องคิดอะไรมากเท่ากับผู้ที่เป็นไทเป็นอิสระชน อีกทั้งหญิงสาวที่เสนอตัวให้แก่ท่านก็พรั่งพร้อมด้วยฐานะและความงาม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ประกอบกันล้วนเป็นใจให้กระทำสิ่งต้องห้ามได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฝ่ายหญิงเองเป็นผู้เสนอตัวให้กับท่าน จึงไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามใดๆ และไม่ต้องกลัวว่านางจะปฏิเสธ และนอกจากนางจะเป็นฝ่ายเสนอตัวแล้วนางยังมีความต้องการที่แรงกล้าอย่างแท้จริง มิใช่เพียงเสนอตัวเพื่อที่จะทดสอบว่าท่านนบียูสุฟนั้นเป็นคนดีจริงหรือไม่ และอีกทั้งนางก็อยู่ในฐานะนายของท่าน และยังกระทำในบ้านของนางเอง โดยที่นางย่อมรู้ดีถึงสถานที่และช่วงเวลาที่เหมาะสม และรอดพ้นจากสายตาของผู้อื่น นอกจากนั้นนางยังลงกลอนประตูอย่างแน่นหนาเพื่อที่จะให้ท่านนบีมั่นใจว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถเข้ามาได้โดยพลการ ทั้งหมดนี้ท่านนบียูสุฟก็ยังปฏิเสธนางและไม่หลงใหลไปกับเล่ห์กลมารยาของนาง โดยท่านเลือกที่จะเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺและสามีของนาง ฟิตนะฮฺที่ท่านนบีต้องประสบพบเจอนี้ถ้าเป็นบุคคลอื่นจากท่านก็มิอาจทราบได้ว่าเขาจะสามารถรอดพ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้หรือไม่?" (จากหนังสือบะดาอิอฺ อัตตัฟสีรฺ 2/445-446)
กวีอาหรับคนหนึ่งกล่าวว่า: "มีคุณลักษณะสี่ประการที่ห้ามฉันมิให้เข้าใกล้สิ่งชั่วร้าย และเป็นสิ่งป้องปรามเตือนสติผู้ที่มีจิตประเสริฐ นั่นคือความละอาย ศาสนา ความชรา และเกียรติศักดิ์ศรี สิ่งเหล่านี้แหละที่มนุษย์พึงปกปักษ์รักษาไว้"
การอดทนต่อฟิตนะฮฺจากสตรีโดยเสียสละความต้องการของตัวเองเพื่อให้ได้มาซึ่งความพอพระทัยของพระองค์อัลลอฮฺนั้น ถือเป็นการงานที่ประเสริฐที่สุดประการหนึ่ง อันจะทำให้ผู้เป็นบ่าวได้ใกล้ชิดกับพระเจ้าของเขามากขึ้น พระองค์ตรัสว่า
﴿ وَأَمَّا مَنۡ خَافَ مَقَامَ رَبِّهِۦ وَنَهَى ٱلنَّفۡسَ عَنِ ٱلۡهَوَىٰ ٤٠ فَإِنَّ ٱلۡجَنَّةَ هِيَ ٱلۡمَأۡوَىٰ ٤١ ﴾ [النازعات: 40-41]
ความว่า “และส่วนผู้ที่หวาดหวั่นต่อการยืนเบื้องหน้าพระเจ้าของเขา และได้หน่วงเหนี่ยวจิตใจจากกิเลสต่ำ ดังนั้นสวนสวรรค์ก็จะเป็นที่พำนักของเขา” (อัล-นาซิอาต: 40-41)
ท่านอิบนุอุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«بَيْنَمَا ثَلَاثَةُ نَفَرٍ يَتَمَشَّوْنَ أَخَذَهُمُ المَطَرُ، فَأَوَوْا إِلَى غاَرٍ فِيْ جَبَلٍ، فَانْحَطَّتْ عَلَى فَمِ غاَرِهِمْ صَخْرَةٌ مِنَ الجَبَلِ فَانْطَبَقَتْ عَلَيْهِمْ، فَقَالَ بَعْضُهُمْ لِبَعْضٍ: انْظُرُوْا أَعْمَالًا عَمِلْتُمُوْهَا صَالِحَةً لِلَّهِ ، فَادْعُوا اللهَ تعَالىَ بِهَا لَعَلَّ اللهَ يَفْرُجُهَا عَنْكُمْ، فَقَالَ أَحَدُهُمْ : اللهم إِنَّهُ كَانَتْ لِي ابْنَةُ عَمٍّ أَحْبَبْتُهَا كَأَشَدِّ مَا يُحِبُّ الرِّجَالُ النِّسَاءَ، وَطَلَبْتُ إِلَيْهَا نَفْسَهَا فَأَبَتْ حَتَّى آتِيَهَا بِمِئَةِ دِيْنَارٍ، فَتَعِبْتُ حَتَّى جَمَعْتُ مِئَةَ دِيْنَارٍ فَجِئْتُهَا بِهَا، فَلَمَّا وَقَعْتُ بَيْنَ رِجْلَيْهَا قَالَتْ : يَا عَبْدَاللهِ، اتَّقِ اللهَ، وَلَا تَفْتَحِ الخَاتَمَ إِلَّا بِحَقِّهِ ! فَقُمْتُ عَنْهَا، فَإِنْ كُنْتَ تَعْلَمُ أَنِّي فَعَلْتُ ذَلِكَ ابْتِغَاءَ وَجْهِكَ، فَافْرُجْ لَنَا مِنْهَا فُرْجَةً، فَفَرَجَ لَهُمْ» [البخاري برقم 2215، ومسلم برقم 2743]
ความว่า “ขณะที่ชายสามคนกำลังเดินอยู่ปรากฏว่าเกิดฝนตกกระหน่ำหนัก พวกเขาจึงเข้าไปหลบอยู่ในถ้ำของภูเขาลูกหนึ่ง พลันหินก้อนใหญ่ก็หล่นลงมาปิดมิดปากถ้ำ ทำให้พวกเขาถูกขังอยู่ข้างใน คนหนึ่งในกลุ่มนั้นกล่าวขึ้นว่า 'พวกท่านจงนึกถึงคุณงามความดีที่พวกท่านได้เคยกระทำไว้เพื่ออัลลอฮฺ แล้วขอวิงวอนต่อพระองค์ เพื่อว่าพระองค์จะทรงเปิดทางให้กับพวกเราด้วยผลแห่งความดีนั้น' ชายคนหนึ่งจึงกล่าวว่า 'โอ้อัลลอฮฺ แท้จริงฉันนั้นได้เคยหลงรักลูกสาวของลุงมากด้วยความรักแบบหนุ่มสาวทั่วไป ซึ่งฉันเคยขอมีความสัมพันธ์กับนาง แต่นางปฏิเสธและตั้งเงื่อนไขว่าให้หาเงินมาให้นางจำนวนหนึ่งร้อยดีนาร์เสียก่อน ฉันจึงใช้ความเพียรพยายามอย่างหนักจนสะสมเงินได้หนึ่งร้อยดีนาร์และกลับไปหานาง ในระหว่างที่ฉันอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างของนาง นางก็พูดขึ้นว่า โอ้บ่าวของอัลลอฮฺ จงยำเกรงต่อพระองค์เถิด และอย่าได้ทำในสิ่งที่ท่านไม่มีสิทธิเลย ฉันจึงผละออกจากนางในทันใด โอ้อัลลอฮฺ ถ้าหากพระองค์รู้ว่าสิ่งที่ฉันทำนั้นเพื่อพระองค์ ขอพระองค์ทรงเปิดทางให้พวกเขาด้วยเถิด' แล้วพระองค์ก็ทรงเปิดทางให้แก่พวกเขา” (บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ หะดีษเลขที่ 2215 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 2743)
อัลลอฮฺตะอาลาได้สั่งใช้ให้บรรดามุอ์มินที่ยังไม่มีความสามารถที่จะแต่งงานได้ให้มีความอดทนอดกลั้น พระองค์ตรัสว่า
﴿ وَلۡيَسۡتَعۡفِفِ ٱلَّذِينَ لَا يَجِدُونَ نِكَاحًا حَتَّىٰ يُغۡنِيَهُمُ ٱللَّهُ مِن فَضۡلِهِۦۗ ﴾ [النور : ٣٣]
ความว่า “และบรรดาผู้ที่ยังไม่มีโอกาสแต่งงานก็จงให้เขาข่มความใคร่ จนกว่าอัลลอฮฺจะทรงให้พวกเขาร่ำรวยขึ้นจากความโปรดปรานของพระองค์” (อันนูร: 33)
และวิธีการป้องกันตนเองจากฟิตนะฮฺของสตรีนั้น ก็คือ การลดสายตาลงต่ำ การรักษาอวัยวะพึงสงวน และการแต่งงานที่ถูกต้องตามหลักศาสนา อัลลอฮฺ ตรัสว่า
﴿ قُل لِّلۡمُؤۡمِنِينَ يَغُضُّواْ مِنۡ أَبۡصَٰرِهِمۡ وَيَحۡفَظُواْ فُرُوجَهُمۡۚ ذَٰلِكَ أَزۡكَىٰ لَهُمۡۚ إِنَّ ٱللَّهَ خَبِيرُۢ بِمَا يَصۡنَعُونَ ٣٠ ﴾ [النور : ٣٠]
ความว่า “จงกล่าวเถิดมุหัมมัดแก่บรรดามุอ์มิน ให้พวกเขาลดสายตาของพวกเขาลงต่ำและให้พวกเขารักษาทวารของพวกเขานั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่งแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ” (อันนูร: 30)
ท่านอิบนุมัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«يَا مَعْشَرَ الشَّبَابِ مَنِ اسْتَطَاعَ مِنْكُمُ اْلبَاءَةَ – أي النكاح - فَلْيَتَزَوَّجْ، فَإِنَّهُ أَغَضُّ لِلْبَصَرِ وَأَحْصَنُ لِلْفَرْجِ» [البخاري برقم 5066، ومسلم برقم 1400]
ความว่า “โอ้บรรดาหนุ่มสาวทั้งหลาย ผู้ใดมีความสามารถที่จะแต่งงานก็จงแต่งงานเสีย เพราะแท้จริงการแต่งงานนั้นเป็นการช่วยให้สายตาลดต่ำและเป็นการปกป้องอวัยวะเพศจากสิ่งต้องห้าม” (บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ หะดีษเลขที่ 5066 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 1400)
กวีอาหรับกล่าวว่า: “สิ่งไม่ดีทั้งหลายล้วนเริ่มต้นด้วยการมอง เหมือนเช่นเปลวเพลิงโหมไหม้ที่เกิดจากประกายไฟเพียงน้อยนิด ดังนั้นผู้ใดปล่อยสายตาจ้องมองตามอำเภอใจผู้นั้นย่อมตกอยู่ในอันตราย เพราะบางคราดวงเนตรที่จับจ้องอาจส่งผลร้ายต่อหัวใจยิ่งกว่าฤทธิ์ของธนู เช่นนี้แล้วความสุขของดวงตาที่ได้มองจะมีประโยชน์อันใด ในเมื่อมันคือสิ่งที่นำมาซึ่งโทษอันมิพึงประสงค์”
ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้แจ้งข่าวดีว่าสวรรค์นั้นจะถูกเตรียมไว้เป็นรางวัลสำหรับผู้ที่สามารถสงวนรักษาอวัยวะเพศของเขา ดังหะดีษซึ่งรายงานโดยสะฮฺล์ บิน สะอัด เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«مَنْ يَضْمَنْ لِيْ مَا بَيْنَ لَحْيَيْهِ وَمَا بَيْنَ رِجْلَيْهِ، أَضْمَنْ لَهُ الْجَنَّةَ» [البخاري برقم 2475]
ความว่า “ผู้ใดที่รับประกันกับฉันว่าจะระวังรักษาสิ่งที่อยู่ระหว่างขากรรไกรทั้งสองข้างของเขา (ปากและลิ้น) และสิ่งที่อยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างของเขา (อวัยวะเพศ) ฉันจะรับประกันสวรรค์ให้แก่เขา” (บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ หะดีษเลขที่ 6474)
والحمد لله رب العالمين،
وصلى الله وسلم على نبينا محمد وعلى آله وصحبه أجمعين.